แพร่ - บรรดาแฟนคลับอนาคตใหม่แพร่ผิดหวังแรง..รุมถล่ม 2 ส.ส.แพร่ย้ายซบภูมิใจไทยเต็มโซเชียลฯ ไม่พอ รวมตัวตั้งรูปคู่พวงหรีด-อ่านแถลงการณ์ประณามตระบัดสัตย์ ระบุตายจากความทรงจำแล้ว
บรรดาแฟนคลับพรรคอนาคตใหม่ที่จับกระแสการตัดสินใจของ ส.ส.ในจังหวัดต่างๆ หลังพรรคถูกยุบได้ไม่กี่วัน พบว่ามีงูเห่าเกิดขึ้น โดยเฉพาะ 2 ส.ส.แพร่ คือ นายเอกการ ซื่อทรงธรรม ส.ส.เขต 1 และนายกิตติเดช สันติวชิรกุล ส.ส.เขต 2 ที่มีข่าวย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย ต่างออกมาเคลื่อนไหวแสดงความไม่พอใจตลอดวานนี้ (25 ก.พ.) ผ่านทั้งช่องทางโซเชียลฯ รวมตัวติดป้ายข้อความหน้าศูนย์ประสานงานคณะอนาคตใหม่ ภายในกาดน้ำทอง ต.นาจักร อ.เมืองแพร่ ที่เป็นศูนย์ประสานงานพรรคฯ ก่อนถูกยุบ
โดยเฉพาะในช่วงเย็นประชาชนและแฟนคลับของพรรคอนาคตใหม่พากันมารวมตัวกันได้เปิดให้มีการเขียนข้อความแสดงความเห็นต่อการย้ายพรรคของ ส.ส.ทั้งสองคน จากนั้นนายอำนวย พลหล้า หัวหน้าศูนย์ประสานงานคณะอนาคตใหม่จังหวัดแพร่ ได้อ่านแถลงการณ์ประณามการกระทำของ ส.ส.ทั้งสองคนด้วย
มีข้อความโดยสรุปว่า ส.ส.ทั้งสองคนมาจากคะแนนเสียงชาวแพร่ 1.2 แสนคน ได้ขึ้นเป็น ส.ส.หน้าใหม่ แต่เมื่อได้ตำแหน่งแล้วไม่เคยให้ความสำคัญต่อคะแนนเสียงเหล่านี้ เป็นคนตระบัดสัตย์ต่อประชาชน และอุดมการณ์ของพรรคอย่างร้ายแรง โดยทางคณะอนาคตใหม่ขอประณามการกระทำของ ส.ส.ทั้งสองคนที่เห็นแก่เงินมากกว่าอุดมการณ์
หลังจากนั้น ผู้ที่เข้ามาร่วมทำกิจกรรมได้ร่วมกันประกอบพิธีคล้ายพิธีศพให้กับ ส.ส.ทั้งสองคน ที่บริเวณหน้าอาคารสำนักงานคณะอนาคตใหม่ โดยการขึ้นรูปของนายเอกการ ซื่อทรงธรรม และนายกฤติเดช สันติวชิรกุล ประดับด้วยพวงหรีด และดอกไม้ธูปเทียนประดุจพวกเขาได้ตายไปจากความทรงจำแล้ว
แหล่งข่าวกล่าวว่า การย้ายพรรคของ ส.ส.แพร่ จากพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบไปสังกัดพรรคภูมิใจไทยนั้น มีที่มาที่ไปซับซ้อนจากวงในของรัฐสภา ซึ่งมีส่วนของการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ มีการขอร้องบางประการแต่ผู้นำของพรรคอนาคตใหม่ไม่ให้ความสำคัญทำให้นำไปสู่การยุบพรรคและเป็นรอยร้าวภายในของพรรคอนาคตใหม่ จนเป็นที่มาของการไปสังกัดพรรคภูมิใจไทยของ ส.ส.จำนวน 9 คน และจะย้ายออกอีกชุดหนึ่งในเร็วๆ นี้ไปสังกัดพรรครัฐบาล
สาเหตุที่ ส.ส.แพร่ทั้งสองคนต้องไปอยู่พรรคภูมิใจไทย เนื่องจากผู้อาวุโสที่เกี่ยวข้องกับ ส.ส.แพร่ใกล้ชิดกับภูมิใจไทย และต้องการรอให้เกิดพรรคใหม่ของคนภาคเหนือ ส.ส.ทั้งสองคนจะย้ายกลับเข้ามาสังกัด แต่ในการย้ายออกไปสู่ฝ่ายรัฐบาลนั้นมีแนวคิดที่จะหาทางพัฒนาจังหวัดแพร่มากกว่าการขายตัว โดยเฉพาะงานในกระทรวงคมนาคม และกระทรวงสาธารณสุข อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าวยังไม่เป็นที่เปิดเผย อาจต้องรอให้กระแสต่อต้านผ่อนคลายลงจึงจะมีการออกมาทำความเข้าใจกับประชาชนต่อไป
