ศูนย์ข่าวนคราชสีมา - “บิ๊กตู่” ควง ครม.มอบเงินเยียวยาเหยื่อกราดยิงโคราช 34.8 ล้าน ขอให้ใช้เงินอย่างคุ้มค่าและเข้มแข็งเดินหน้าต่อไป เผยในฐานะคนโคราชเสียใจอย่างสุดซึ้ง และรัฐบาลขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมลุยเดินห้างฯ เทอร์มินอล 21 ปลุกพลังชาวโคราชฟื้นเมืองให้กลับมาโดยเร็ว
เมื่อเวลา 08.45 น. (19 ก.พ.) ที่หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางมามอบเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุกราดยิงประชาชนในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 8-9 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีบรรดาญาติผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวเข้ารับมอบเงินจำนวน 79 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 34 .8ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี
โดยแบ่งเป็นผู้เสียชีวิตจำนวน 27 รายๆ ละ 1 ล้านบาท ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจำนวน 18 รายๆ ละ 2 แสนบาท และผู้ได้รับบาดเจ็บไม่สาหัส จำนวน 34 รายๆ ละ 100,000 บาท
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อผู้ที่มารับมอบเงินเยียวยาว่า วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีนำความห่วงใย และความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในฐานะที่เป็นคนโคราชคนหนึ่งขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง เข้าใจถึงความรู้สึกสูญเสียโศกเศร้าของบรรดาญาติพี่น้องแต่เราจะต้องไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก สิ่งสำคัญคือ พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ ที่ทรงห่วงใยพร้อมพระราชทานพระราชกระแสแสดงความเสียพระราชหฤทัย และพระราชทานกำลังใจให้เราผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปด้วยความมีสติมีปัญญา และความสามัคคี นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ พวกเราน้อมนำพระราชกระแสมาเป็นพลังในการขับเคลื่อนในการดำรงชีวิตของเราให้เดินหน้าต่อไปให้ได้
สำหรับเงินที่นำมาช่วยเหลือเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่มาจากรัฐบาลที่ให้การช่วยเหลือ แต่ยังมีหลายส่วนทั้งภาคเอกชนและประชาชนที่ร่วมกันบริจาคให้แก่ผู้เสียชีวิต แต่เงินก็ไม่สามารถทดแทนได้สำหรับชีวิตมนุษย์ เพราะชีวิตมีค่าทุกชีวิต อยู่ที่ว่าเราจะดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างไรรัฐบาลและคนในชาติก็พร้อมใจกันที่จะช่วยเหลือ เยียวยาให้ได้มากที่สุด ตามพระราชกระแสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ต้องการให้เร่งรัดการช่วยเหลือเยียวยา ขอบคุณทุกฝ่ายและทุกคนที่ร่วมกันให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้
จำนวนเงินที่ได้ไปวันนี้ ที่แลกมาด้วยชีวิตญาติพี่น้องของเรา ฉะนั้นจะต้องให้ความสำคัญในการนำไปใช้จ่ายให้มีผลต่อการดำรงชีพแก้ปัญหา ดูแลบุตรหลานในเรื่องของทุนการศึกษา ขอให้จัดระเบียบการใช้จ่ายให้ดี จะได้ภาคภูมิใจว่าพ่อแม่ปู่ย่าตายายเราได้เสียสละชีวิตเพื่อเงินจำนวนนี้ และเราจะต้องดำเนินชีวิตต่อไปในวันข้างหน้า เราต้องเปลี่ยนพลังเหล่านี้ให้เป็นพลังขับเคลื่อนของเราให้เดินไป รัฐบาลจะไม่ลืม และพยายามหาแนวทางในการช่วยเหลือ รวมถึงผู้ที่ทำคุณงามความดีจะมีการประกาศกิตติคุณกันต่อไป
ดังนั้น นายกรัฐมนตรีขอให้กำลังใจให้แก่ทุกคน สำหรับผู้ที่สูญเสียผู้บาดเจ็บรวมถึงผู้ที่เป็นจิตอาสาผู้ที่ช่วยกันดูแลในช่วงเกิดเหตุนั้นคือน้ำใจคนไทย และน้ำใจคนโคราช ที่เราให้การช่วยเหลือกันสิ่งที่จะขอต่อไปคือจะทำอย่างไรให้โคราชกลับมาปกติสุขเหมือนเดิม ต้องช่วยกันให้เกิดการขับเคลื่อนในโคราช ในเรื่องการดำรงชีวิต เรื่องการใช้จ่าย ขอให้เป็นปกติ กลับมาในระยะเวลารวดเร็ว เราต้องเข้มแข็งเพียงพอที่จะเดินหน้าต่อไป
ในส่วนของบุตรหลานขอให้ได้เล่าเรียนหนังสือ รัฐบาลเข้าไปจัดทุนการศึกษาให้สำหรับผู้ที่ประสบภัยที่เป็นเด็กอายุ 18 ปี ส่วนผู้ที่อยากจะรับราชการก็ต้องดูคุณวุฒิซึ่งหากเป็นไปตามระเบียบทางรัฐบาลก็พร้อมดูแลขอให้พวกเราที่ได้รับเงินไปแล้วนำเงินไปใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าเก็บเป็นเงินทุนการศึกษา เป็นเงินกองทุนสำรองให้ครอบครัวเพื่อจะได้เกิดความมั่นคงต่อไป
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว รัฐบาลต้องขอโทษและขออภัยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรัฐบาลก็ต้องดูแลแก้ปัญหาเป็นระยะระยะไปตามหน้าที่ของตนเอง
สำหรับการเดินทางมาช่วยเหลือในครั้งนี้ อยากให้พวกเราชาวไทยทุกคนมีความสุขรัฐบาลดูแลพวกเราให้มีความสุขต่อไป วันนี้เรามีปัญหาหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ เรื่องของภัยแล้ง เรื่องเกษตร ก็ขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจและเข้าใจการทำงานของรัฐบาลด้วยอยากให้ทุกคนมีความสุขดูแลซึ่งกันและกันและขอให้ทุกคนมีความเข้มแข็งเดินหน้าไปพร้อมกัน
จากนั้นคณะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจแก่ผู้ประกอบการร้านค้า ในศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ซึ่งสถานที่จุดสุดท้ายที่ผู้ก่อเหตุเข้ากราดยิงประชาชนและปักหลักต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ โดยนายกรัฐมนตรีได้เดินทักทายพ่อค้าแม่ค้าบริเวณชั้นใต้ดิน (LG) และชั้น G บรรยากาศเป็นไปด้วยชื่นมื่น พร้อมกล่าวกันกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าว่าขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนก้าวผ่านสิ่งเลวร้ายนี้ไปให้ได้พร้อมกัน และช่วยกันทำให้โคราชกลับมาคึกคักได้เหมือนเดิม ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร
