อุบลราชธานี - คนอีสานได้ชื่อเป็นคนรักความสนุกสนาน จึงมีวัฒนธรรมงานบุญประเพณีครบทั้ง 12 เดือนใน 1 ปี นักศึกษาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี แต่งกลอนใช้ร้องรำให้ความรู้วิธีป้องกันตัวจากโรคโควิด-19 รวมทั้งใช้ความสนุกสนานกระตุ้นผู้ป่วยสูงวัยออกกำลังกายฟ้อนรำตามเพลง
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “ปาล์ม อิทธิชัย” เผยแพร่ภาพคลิปการร้องหมอลำต่อหน้าคนไข้ โดยมีเพื่อนักศึกษาพยาบาลวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี ชั้นปีที่ 4 ร่วมแสดงด้านหน้าห้องตรวจโรคของโรงพยาบาลเขื่องใน อำเภอเขื่องใน จนเป็นที่ชื่นชอบของคนไข้และญาติ ซึ่งได้ออกมารำฟ้อนไปตามจังหวะเพลง ระหว่างการรอตรวจ พร้อมได้รับความรู้การป้องกันโรคจากการรำกลอนของคณะนักศึกษาพยาบาลไปด้วย
นายอิทธิพัทธ์ หรือปาล์ม คำมุงคุล อายุ 22 ปี นักศึกษาวิทยาลัยวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ผู้โพสต์เล่าว่า กิจกรรมที่ทำนั้นเป็นกิจกรรมสุขศึกษาเชิงบันเทิง โดยปรับเปลี่ยนจากกิจกรรมที่ให้ความรู้เรื่องสุขศึกษาแบบธรรมดาทั่วไป มาเป็นการเข้าถึงจิตวิญญาณของคนไข้ ซึ่งชาวอีสานนิยมและชื่นชอบการฟังหมอลำมาแต่โบราณ จะทำให้มีความสนใจ สนุกกับการมีส่วนร่วมและเข้าใจเรื่องสุขศึกษาได้มากขึ้น
ส่วนเรื่องราวที่นำมาเป็นกลอนใช้ร้องรำนั้น อาจารย์จะเป็นคนให้โจทย์มา เช่นช่วงนี้เกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือการแพร่กระจายของฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเมื่อเริ่มมีอาการป่วย ควรสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือใช้เจลฆ่าเชื้อล้างมือ เพื่อป้องกันการรับเชื้อ หรือการแพร่กระจายของโรค ก็จะนำวิธีการสวนใส่หน้ากาก หรือการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อล้างมือมาแต่งเป็นกลอนลำทำนองขอนแก่น ซึ่งนายอิทธิพัทธ์มีความสามารถอยู่บ้าง เพราะการใช้กลอนรำประกอบท่าทาง ทำให้กลุ่มผู้ป่วยและญาติที่ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัยเข้าใจเนื้อหาได้ง่าย รวมทั้งยังเป็นการสร้างความสนุกสนาน ให้คนไข้ได้มีโอกาสออกกำลังกาย ด้วยการร่วมออกมารำร่วมกับคณะนักศึกษาระหว่างให้ความรู้ ซึ่งก็เป็นที่ชื่นชอบของคนไข้และญาติที่มาใช้บริการกับทางโรงพยาบาลแห่งนี้ด้วย
ขณะที่นางทองคำ ปัญญาเฉียบ อายุ 71 ปี คนไข้ที่เข้ามาใช้บริการพร้อมกับนำพืชผักสวนครัวที่ปลูกเองมาขายระหว่างรอเข้าพบแพทย์ กล่าวว่า ปกติตนเองมีความชอบในเสียงเพลงและกลอนลำที่ได้ฟังมาตั้งแต่วัยเด็ก ส่วนที่จะมีโอกาสเข้าร่วมฟ้อนรำก็เป็นช่วงที่ชุมชนมีการจัดงานบุญประเพณี แต่เมื่อมาหาหมอที่โรงพยาบาลนี้ได้เข้าร่วมร้องรำก็ดีใจ
“ไม่รู้จะตอบแทนลูกหลานนักศึกษาอย่างไร ก็ได้แต่มอบผักที่เก็บเอามาขายให้กับลูกหลานเป็นการตอบแทน และอยากให้โรงพยาบาลทำต่อไป เพราะทำให้คนไข้และญาติมีความสุขที่ได้มาหาหมอ”นางทองคำกล่าว
ด้าน ดร.นพ.สาโรช สมชอบ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเขื่องใน กล่าวว่า กิจกรรมสุขศึกษาเชิงบันเทิงตรงกับบริบทในพื้นที่ ทำให้คนไข้มีความสนใจ ไม่น่าเบื่อ แตกต่างจากรูปแบบเดิมๆ ที่เราให้สุขศึกษาแบบบทความประชาสัมพันธ์ แต่การให้ความรู้แบบบันเทิงสุขศึกษา คนไข้ได้เข้าไปมีส่วนร่วมสนุกสนานในการฟ้อนรำ แทนการนั่งรับฟังทำให้คนไข้รู้สึกเบื่อเข้าใจยาก ซึ่งกิจกรรมบันเทิงสุขศึกษานี้โรงพยาบาลจัดให้มีทุกวันช่วงระหว่างคนไข้ที่รอการคัดกรองโรค ก่อนเข้าพบแพทย์แต่ละสาขาโรค