กาฬสินธุ์ - นายอำเภอกมลาไสย เตรียมชงเรื่องผลสอบวินัยร้ายแรงฟันดาบสอง ไล่ออกผู้ใหญ่บ้านสีถาน หลังศาลฎีกามีคำตัดสินยืนโทษประหารชีวิต คดีฆ่าข่มขืน “น้องสโนว์” ซึ่งคดีที่สิ้นสุดแล้ว ขณะที่ครอบครัว “พลประสิทธิ์” ขออโหสิกรรม
จากกรณีศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้ลงโทษประหารชีวิต นายกฤติเดช ระเวงวรรณ อดีตผู้ใหญ่บ้านสีถาน และให้ชดใช้ค่าสินไหม 2,390,000 บาท ในคดีข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย โดยทำร้าย น.ส.ฤดีวัลย์ พลประสิทธิ์ หรือน้องสโนว์
โดยครอบครัวพลประสิทธิ์ได้เข้ารับฟังคำตัดสินเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ตลอดจนสื่อมวลชน
ล่าสุดวันนี้ (12 ก.พ. 2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 94 บ้านโนนเมือง ม.12 ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ นายสัมฤทธิ์ กิตติโชติ สุขสงค์ นายอำเภอกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เข้าให้กำลังใจนายกฤษณ์ และนางลำใย พลประสิทธิ์ พ่อ-แม่ และ น.ส.ภัทรานิษฐ์ พลประสิทธิ์ พี่สาวน้องสโนว์ พร้อมทั้งเตรียมเสนอเรื่องผลสอบวินัยร้ายแรงไปยังผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อให้พิจารณาลงนามคำสั่งไล่นายกฤติเดช ระเวงวรรณ ผู้ใหญ่บ้านสีถาน ออกจากตำแหน่ง หลังศาลฎีกามีคำตัดสินยืนโทษประหารชีวิต ซึ่งถือเป็นที่สิ้นสุดแล้ว โดยยังมีญาติและเพื่อนบ้านต่างมาให้กำลังใจด้วย
นายสัมฤทธิ์ กิตติโชต สุขสงค์ นายอำเภอกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับกรณีดังกล่าวทางอำเภอกมลาไสยได้มีคำสั่งหยุดการปฏิบัติหน้าที่นายกฤติเดช ระเวงวรรณ ผู้ใหญ่บ้านสีถาน หลังจากถูกจับกุมตั้งแต่หลังเมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2559 พร้อมกับตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงแล้ว ผลการตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ที่ผ่านมาคณะกรรมการยังคงรอผลการตัดสินของศาลฎีกาจึงยังไม่สามารถสรุปเรื่องได้ เพราะยังไม่สิ้นสุดคดีความ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบขั้นตอน
นายสัมฤทธิ์กล่าวอีกว่า ล่าสุดได้รับรายงานว่าศาลฎีกามีคำตัดสินลงโทษประหารชีวิต และให้ชดใช้ค่าสินไหม 2,390,000 บาท ถือว่าในทางคดีเป็นที่สิ้นสุดแล้ว ดังนั้น ทางอำเภอกมลไสยจึงได้ประสานเพื่อขอคัดลอกคำพิพากษาเพื่อที่จะรายงานผลไปยังผู้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง คือผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อพิจารณาลงนามคำสั่งไล่ออกจากตำแหน่งโดยเร็วที่สุด โดยคำสั่งไล่ออกจะมีผลย้อนหลังไปถึงวันที่มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งไม่ทำให้ราชการเสียหาย
เนื่องจากช่วงระหว่างที่รอผลพิจารณาคดีทั้ง 3 ศาล ได้มีการแต่งตั้งกำนันตำบลดงลิง ทำหน้าที่เป็นผู้ใหญ่บ้าน และได้ทำหน้าที่อย่างดี ตลอดจนทางราชการก็ไม่ได้จ่ายเงินเดือนให้นายกฤติเดช ทั้งนี้ หากคำสั่งมีผลไล่ออกจะมีการประกาศเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านใหม่ตามระเบียบขั้นตอนต่อไป
ด้าน น.ส.ภัทรานิษฐ์ พลประสิทธิ์ พี่สาวน้องสโนว์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัวพลประสิทธิ์ โดยน้องสโนว์เสียชีวิตดังกล่าวซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานมัดตัวคนร้าย ทางครอบครัวได้มาขอพึ่งบุญญาบารมีเจ้าปู่ฟ้าระงึม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำตำบล และเป็นสถานที่เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้านผู้เดือดร้อนมาหลายชั่วอายุ ทั้งนี้ เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่พบเบาะแสคนร้ายและจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้
น.ส.ภัทรานิษฐ์กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อคำพิพากษาของศาลฎีกาได้ตัดสินยืนตามคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ดังกล่าว ตนและพ่อแม่ พร้อมญาติพี่น้องบอกกล่าวต่อวิญญาณของน้องสโนว์ด้วยว่าน้องได้รับความเป็นธรรมแล้ว ทางครอบครัวก็ขออโหสิกรรมคนร้ายเพราะไม่อยากให้มีเวรมีกรรมต่อกันและกันอีก ต่อไปนี้ครอบครัวของเราก็จะตั้งใจทำมาหากินอย่างเต็มที่ ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย
ทั้งนี้ นอกจากครอบครัวจะขอบทุกทุกฝ่ายที่ให้กำลังใจมาโดยตลอดแล้วจะต้องขอคุณนายณรงค์ฤทธิ์ จำปาทอง ทนายความคดีน้องสโนว์ ที่รับดำเนินการเรื่องให้ครอบครัวฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายตลอดเกือบ 5 ปีที่ผ่านมา ส่วนเรื่องเงินทดแทนสินไหมตามคำสั่งศาลนั้น ที่ผ่านมาครอบครัวไม่ได้ติดตามและหวังเงินในส่วนนี้ เพียงแต่ขอความเป็นธรรมให้น้องสาวเท่านั้นพอ และก็ขอให้เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมต่อไป