xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องเล่าจากชั้น LG ครอบครัวชาวสิงคโปร์เฉียดตายจากกระสุนปืน “ไอ้จ่าคลั่ง”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ครอบครัวชาวสิงคโปร์ที่รอดตายจากกระบอกปืนไอ้จ่าทหารคลั่ง
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - เรื่องเล่าเฉียดตายของครอบครัวชาวสิงคโปร์ที่หนีตายออกมาจากขั้น LG ห้างเทอร์มินอล 21 หลังหลบในห้องคุมไฟ พวกเขาแทบจะหยุดหายใจเพื่อไม่ให้เป็นเป้าของคนร้าย แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็ช่วยออกมาได้ เหมือนได้เกิดใหม่ เรื่องราวของเขาหลายคนอ่านแล้วร้องไห้ตาม

เรื่องเล่าต่อจากบรรทัดนี้เป็นโพสต์ที่ปรากฏบนเฟซบุ๊กของคุณ Yuwaret Oi เมื่อราว 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีคนกดไลก์กดแชร์และแสดงความเห็นนับหมื่นครั้งเพื่อแสดงความยินดีและให้กำลังใจที่สามารถรอดชีวิตออกมาได้ พร้อมกับเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกหลายร้อยชีวิต

โดยโพสต์เกริ่นนำว่า.... เหตุการณ์ในค่ำคืนแสนเศร้าผ่านคำบอกเล่าจากคำพยานของคุณยองวี เตย์ สมาชิกคริสตจักรเราซึ่งเป็นชาวสิงคโปร์ที่รอดชีวิตมาได้หลังจากติดอยู่ในชั้น LG พร้อมลูกชายวัย 11 ขวบ น้องโจเซฟ เตย์
....


“ผมกับลูกต้องหาที่ซ่อน ผู้คนแตกตื่นกันมาก เราอยู่ที่บริเวณ food land ชั้นใต้ดิน มันกว้างเกินไป ไม่ค่อยมีที่ปลอดภัยให้ซ่อนเลย เราไปหลบแถวแผนกของสด ผมกอดลูกไว้ น้องโจตัวสั่นไปหมด ผมรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย เราย้ายเข้าไปห้องซึ่งน่าจะเป็น store...เราพบกับพ่อแม่ลูกครอบครัวหนึ่ง ลูกสาวเขายังเล็กมากสัก 2-3 ขวบ พวกเราอยู่ด้วยกันประมาณ 10 คน ปิดไฟปิดประตูและพยายามอยู่กันอย่างเงียบที่สุด...ทั้งหวาดกลัว หนาว อึดอัด และมีเสียงปืนดังเป็นระยะ

เวลานั้น.. พระวิญญาณบริสุทธิ์เตือนผมในใจว่า ให้ออกไปจากตรงนี้มันไม่ปลอดภัย และเมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ ติ๊ก ซึ่งดูแข็งแรงและมีสติชักชวนเราทุกคนหาที่ซ่อนใหม่ เป็นห้องควบคุมไฟที่อยู่ลึกเข้าไปอีกหน่อย ผมหันไปชวนชายผู้เป็นพ่อ ไปด้วยกันมั้ยครับ? เขาตอบด้วยสีหน้ากังวล “ไม่ล่ะครับ ผมจะอยู่กับภรรยาที่นี่”

นั่นเป็นบทสนทนาสุดท้ายของเรา

เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงท่ามกลางความกดดัน เสียงปืนที่ดังในระยะใกล้ประชิดเข้ามา เราอยู่ในห้องมืดแคบๆนั้น 7 คน สัญญาณอันตรายใกล้เข้ามาทุกที เราได้ยินเสียงลูกสาวของเขาร้องไห้กรีดร้องเพราะเสียงปืนที่ดังเกิน เธอร้องไม่หยุด แล้ววินาทีแสนโหดร้ายก็เกิดขึ้น เสียงปืนระดมยิงไปที่ประตูหลายนัด ได้ยินเสียงฆาตกรถีบประตูปังเข้ามาในห้องที่พ่อแม่ลูกอยู่นั้น เสียงฝีก้าวของมันห่างจากที่เราอยู่เพียงระยะ 2 เมตร!


“มานี่!!!!?" เสียงฆาตกรขู่คำราม เสียงเด็กหญิงยังคงกรีดร้องเสียงดังและเสียงพวกเขาค่อยๆ ห่างออกไป ตามมาด้วยเสียงปืนที่ดังเรื่อยๆ เป็นระยะ....กลิ่นเขม่าควันปืนฟุ้งกระจายไปทั่ว ผมเคยได้กลิ่นนั้นนานมาแล้วครั้งที่เคยเป็นทหารรับใช้ชาติที่สิงคโปร์

วินาทีนั้นพวกเราแทบหยุดหายใจ ชะตากรรมของพวกเขาจะเป็นอย่างไร ทุกคนในห้องนั้นน่าจะพอนึกออก ผมกอดโจเซฟไว้แน่น โจไม่สบายผมกลัวว่าเขาจะส่งเสียงไอ แต่ขอบคุณพระเจ้าทุกคนเงียบกริบแทบกลั้นหายใจ วินาทีเช่นนี้ ถ้าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นี้ คงยากจะเข้าใจ มันบีบหัวใจเหลือเกิน...

....ผมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวนี้จริงๆ...

ไม่มีวินาทีไหนที่ผมหยุดอธิษฐานเรียกหาพระเจ้าตลอด 9 ชม.ที่ติดอยู่ในนั้น ไม่มีใครรู้ว่าเราจะมีชีวิตรอดออกไปได้หรือไม่ สิ่งที่ผมกลัวเวลานั้นที่สุด คือ ผมกลัวจะไม่ได้เจอหน้าอร (ภรรยา) และเจมส์ (ลูกชายคนโต) อีกแล้ว หรือนี่คือเวลาสุดท้ายของชีวิตผม....

ติ๊ก ชายหนุ่มในห้องที่พอจะสามารถติดต่อกับเพื่อนภายนอกได้เรื่อยๆ เขามีสติพอที่จะช่วยผมและคนอื่นๆ ไม่ให้ตื่นตระหนกจนเกินไป ติ๊กบอกพวกเราที่เป็นผู้ชายว่า หากถึงเวลาคับขันผมจะสู้ พวกเราต้องสู้ ผมจะเปิดก่อน คุณและคนอื่นๆ ต้องช่วยกันจับมันไว้ พอจะถ่วงเวลาให้ผู้หญิงและเด็กหนีได้บ้าง ผมรู้ความหมายทันทีว่า ถ้าเราจะต้องตายครั้งนี้ เราก็จะตายแบบยอมสู้ อย่างน้อยลูกชายผมต้องรอด...

ในที่สุดเวลาประมาณตี 3 ความช่วยเหลือก็มาถึงเรา..เจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษหลายสิบนายเข้าถึงตัวเรา พวกเขาให้สัญญาณยิงเปิดทางสามครั้ง เมื่อสิ้นเสียงปืนครั้งที่ 3 พวกเขาบอกให้วิ่งไปกับเขาทันที....ผมพลัดหลงกับลูกชายในจังหวะช่วงชุลมุน ผมร้องขอเจ้าหน้าที่ หาลูกผมๆ พวกเขาพยายามให้ผมใจเย็นและให้ความมั่นใจว่าลูกชายผมอยู่ในมือตำรวจปลอดภัยแล้ว...ผมได้พบหน้าลูกชายและภรรยาอีกครั้งที่รพ.มหาราช เจ้าหน้าที่ประสานให้เราได้เจอกัน เมื่อพร้อมหน้าเราโอบกอดกันด้วยความขอบคุณพระเจ้า


ผมเจอติ๊กครั้งสุดท้ายที่โรงพยาบาลมหาราช เรากล่าวลาและแยกย้ายไปหาครอบครัวอย่างสวัสดิภาพ ขอบคุณพระเจ้าสำหรับมิตรภาพอันแสนสั้นที่มีความหมายไปตลอดชีวิต...

ผมขอบคุณพระเจ้า คืนนั้นผมกับลูกคงจากไปพร้อมกับครอบครัวพ่อแม่ลูกนั้นแล้ว แต่พระเจ้าเมตตาผมกับลูกชายเหลือเกิน พระหัตถ์ของพระองค์ปกป้องคุ้มครองเราไว้ ทรงปิดตามัจจุราชและผ่านเลยเราไป ผมเชื่อในคำอธิษฐานและการปกป้องผ่านคำอธิษฐานเผื่อของพี่น้องคริสเตียนมากมาย..

ติ๊กถามผมว่า ถ้าเรารอดไปได้ ผมจะไปทำบุญ พี่ไปกับผมมั้ยครับ ผมตอบเขาอย่างมั่นใจ ไม่ล่ะครับ ผมเป็นคริสเตียน พรุ่งนี้วันอาทิตย์ผมจะไปโบสถ์ ผมจะไปนมัสการพระเจ้าของผม และขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยผมและลูกผ่านเหตุการณ์เลวร้ายครั้งนี้

ขอบคุณพระเจ้า
ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งแด่ครอบครัวนี้ และทุกครอบครัวที่สูญเสียในครั้งนี้
#เหตุการณ์กราดยิง 8 กุมภาพันธ์ 2020”


กำลังโหลดความคิดเห็น