รอยเตอร์ - อิหร่านส่งดาวเทียมสำรวจ ‘ซาฟาร์’ ขึ้นไปไม่ถึงวงโคจรรอบโลกเมื่อวานนี้ (9 ก.พ.) ซึ่งถือเป็นความล้มเหลวติดต่อกันครั้งที่ 3 ตั้งแต่ต้นปี 2019 ขณะที่กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (IRGC) เปิดตัวขีปนาวุธพิสัยใกล้รุ่นใหม่ “Raad-500” ซึ่งสามารถโจมตีเป้าหมายได้ไกลถึง 500 กิโลเมตร
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของอิหร่านมีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดกับสหรัฐฯ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากเหตุลอบสังหารนายพล กาเซ็ม โซไลมานี อดีตผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ (Quds) เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ซึ่งทำให้กองทัพอิหร่านตัดสินใจตอบโต้ด้วยการยิงถล่มฐานทัพอเมริกันในอิรัก
จาวัด อาซารี-จาห์โรมี รัฐมนตรีกระทรวงสารสนเทศและเทคโนโลยีสื่อสารของอิหร่าน ทวีตข้อความวันนี้ (10 ก.พ.) ว่า การยิงดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้
“ผมอยากจะแจ้งข่าวดีให้พวกคุณได้มีความสุข แต่บางครั้งชีวิตคนเราก็ไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการ การส่งดาวเทียมครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จ” เขากล่าว
ก่อนหน้านั้น เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมอิหร่านให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งชาติว่า ดาวเทียม “ซาฟาร์” ซึ่งหมายถึง “ชัยชนะ” ถูกปล่อยออกจากฐานยิงได้สำเร็จ ทว่าไม่สามารถขึ้นไปถึงวงโคจรรอบโลกได้
“เราจะแก้ไขปรับปรุงเพื่อส่งดาวเทียมขึ้นไปใหม่ในอนาคต” เขากล่าว
ดาวเทียมดวงนี้ถูกส่งขึ้นจากฐานยิงภายในศูนย์อวกาศ อิหม่าม โคไมนี ที่จังหวัดเซมนาน (Semnan) ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงกลาโหม
อิหร่านยิงดาวเทียมที่ผลิตเองในประเทศขึ้นสู่อวกาศเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2009 และส่งดาวเทียมดวงที่ 2 และ 3 ตามมาในปี 2011 และ 2012 ตามลำดับ ทว่าในปีที่แล้วความพยายามส่งดาวเทียมของอิหร่านล้มเหลวไปอย่างน้อย 2 ครั้ง
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เกรงว่า เทคโนโลยีจรวดพิสัยไกลที่อิหร่านใช้ในการส่งดาวเทียมนั้นอาจจะถูกนำไปประยุกต์ใช้กับหัวรบนิวเคลียร์ด้วยก็เป็นได้ ขณะที่เตหะรานยืนกรานเสียงแข็งว่าไม่เคยคิดพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
ขณะเดียวกัน สถานีโทรทัศน์แห่งชาติอิหร่านรายงานว่า กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (IRGC) ซึ่งควบคุมโครงการขีปนาวุธของประเทศได้เปิดตัวขีปนาวุธรุ่นใหม่ ‘Raad-50’ ซึ่งเป็นภาษาฟาร์ซีหมายถึง “เสียงฟ้าผ่า” โดยขีปนาวุธรุ่นนี้มีน้ำหนักเพียงครึ่งหนึ่งของ ‘Fateh-110’ ซึ่งเป็นขีปนาวุธที่หน้าตาคล้ายกัน แต่เพิ่มพิสัยการยิงเข้าไปอีก 200 กิโลเมตร รวมเป็น 500 กิโลเมตร และสามารถใช้กับเครื่องยนต์รุ่นใหม่ซึ่งออกแบบมาสำหรับยิงดาวเทียม
สหรัฐฯ ยังไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ ในเรื่องนี้ ขณะที่นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลออกมาทวีตเรื่องภารกิจยิงดาวเทียมอิหร่านที่ล้มเหลว พร้อมประกาศว่าอิสราเอลจะยังคงสกัดกั้นอิทธิพลทางทหารของอิหร่านต่อไปอย่างไม่ลดละ
“พวกเขายังล้มเหลวในการส่งอาวุธไปยังซีเรียและเลบานอนเพราะเรากระทำการ (ต่อต้าน) อยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งในวันนี้” เนทันยาฮู ทวีตข้อความ
ทั้งนี้ อิหร่านมักแสดงแสนยานุภาพทางทหารหรือเปิดตัวอาวุธรุ่นใหม่ในเดือน ก.พ. เนื่องจากเป็นช่วงครบรอบการปฏิวัติอิสลามปี 1979 ที่ทำให้ระบอบกษัตริย์ซึ่งสหรัฐฯ ให้การหนุนหลังต้องล่มสลายไป