ภาคกลาง - พุทธศาสนิกชน หลายพื้นที่ในภาคกลางร่วมทำบุญตักบาตรเพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมทั้งเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆบูชา กันอย่างเนืองแน่น
วันนี้ (8 ก.พ.) ที่วัดป้อมรามัญ ตำบลสวนพริก อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประชาชนจำนวนมากต่างนุ่งขาวห่มขาว มาแบบครอบครัว ต่างพาลูกพาหลานเดินทางมาทำบุญตักบาตร และปฏิบัติธรรมกันตั้งแต่เช้า เพื่อทำบุญกราบไหว้ พระครูเกษมจันทวิมล (พระอาจารย์แดง) เกจิชื่อดัง เจ้าอาวาสวัดป้อมรามัญ เจ้าของฉายานิ้วมหามงคล เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันมาฆบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
โดยพระครูเกษมจันทวิมล หรือพระอาจารย์แดง เจ้าอาวาสวัดป้อมรามัญ ร่วมกับพระสงฆ์ทำพิธีสวดมนต์ และนำพระสงฆ์ตักอาหารทั้งคาวหวานที่ประชาชนนำมาทำบุญใส่บาตร ตามประเพณีโบราณและหลักคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ทั้งนี้ พี่น้องประชาชนยังได้ร่วมรับฟังธรรมเทศนา เพื่อก่อให้เกิดสติปัญญา เสริมสิริมงคลแก่ผู้ฟังธรรม เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เนื่องในวันมาฆบูชา
อีกทั้งพระครูเกษมจันทวิมล (พระอาจารย์แดง) ท่านยังได้เทศน์สั่งสอนให้ทุกคนเป็นคนดี อยู่ในศีลธรรม รู้จักบุญคุณคน ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ให้ความช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก แค่นี้ก็จะทำให้ทุกคนมีความสุข ความเจริญในชีวิตและครอบครัว พร้อมทั้งแจกวัตถุมงคลให้แก่ญาติโยมที่มาร่วมทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
ผู้ว่าฯ กาญน์ นำประชาชนทำกิจกรรมเนื่องในวันมาฆบูชา
ที่วัดไชยชุมพลชนะสงคราม พระอารามหลวง (วัดใต้) อ.เมือง จ.กาญจนบุรี นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุสงฆ์ และแสดงตนเป็นพุทธมามกะ เนื่องในวันมาฆบูชา โดยมีนายบวรศักดิ์ วานิช รอง ผวจ.กาญจนบุรี ร.ท.ทศพล ไชยโกมินทร์ รอง ผวจ.กาญจนบุรี นายอนันต์ นาคนิยม ปลัดจังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชนเข้าร่วมพิธี
สำหรับการจัดกิจกรรมวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา “วันมาฆบูชา” เพื่อเป็นการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม และร่วมใจประพฤติปฏิบัติตนบำเพ็ญกุศลรักษาศีล ละเว้นอบายมุขทั้งปวง รวมถึงเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและร่วมอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนาที่ดีงามและยังเป็นการร่วมกันส่งเสริมทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้คงอยู่กับชาติไทยให้สืบต่อไป
ซึ่งวันมาฆบูชา เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เป็นวันที่มีการประชุมสังฆสันนิบาตครั้งใหญ่ในพุทธศาสนา ที่เรียกว่า "จาตุรงคสันนิบาต" และเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์แก่พระสงฆ์สาวกเป็นครั้งแรก ณ เวฬุวันวิหาร เมืองราชคฤห์ เพื่อให้พระสงฆ์นำไปประพฤติปฏิบัติ เพื่อจะยังพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง
อีกทั้งวันมาฆบูชายังเกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น 4 ประการคือ มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ผู้ได้อภิญญา 6
พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือเอหิภิกขุอุปสัมปทา สำหรับหลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติคือ “โอวาทปาติโมกข์” เป็นหลักคำสอนที่สำคัญของพระพุทธศาสนา เพื่อไปสู่ความหลุดพ้น ประกอบด้วยหลักการ 3 อุดมการณ์ 4 และวิธีการ 6 ได้แก่ หลักการ 3 คือ หลักคำสอนที่ควรปฏิบัติคือ การไม่ทำบาปทั้งปวง การทำกุศลให้ถึงพร้อม และการทำจิตใจให้ผ่องใส อุดมการณ์ 4 คือ ความอดทนอดกลั้น ความไม่เบียดเบียน ความสงบและนิพพาน วิธีการ 6 คือ ไม่ว่าร้าย ไม่ทำร้าย สำรวมในปาติโมกข์ รู้จักประมาณ อยู่ในสถานที่สงัด และฝึกจิตใจให้สงบ
ชาวนครปฐม จัดพิธีบำเพ็ญกุศลและเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆบูชา 2563
พุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนครปฐม ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลและเวียนเทียนประทักษิณรอบองค์พระปฐมเจดีย์เนื่องในวันมาฆบูชา ประจำปี 2563 วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วยปลัดจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารสถานศึกษา ข้าราชการ ครู อาจารย์ นักเรียน นักศึกษา ประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ร่วมประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันมาฆบูชา ประจำปี 2563 ณ บริเวณวิหารหลวง องค์พระปฐมเจดีย์ ซึ่งวันมาฆบูชานับเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ท่ามกลางพระอรหันต์ 1,250 รูป ที่มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ พระเทพมหาเจติยาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม รองเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร ได้นำผู้เข้าร่วมพิธี กล่าวคำแสดงตนเป็นพุทธมามกะ จากนั้นได้แสดงพระธรรมเทศนา เพื่อน้อมนำคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนาอันพึงปฏิบัติมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน อีกทั้งส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนละเว้นความชั่ว ทำความดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ หลังจากนั้นได้ร่วมกันเจริญพระพุทธมนต์ และเวียนเทียนประทักษิณรอบองค์พระปฐมเจดีย์ จำนวน 3 รอบ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา
ราชบุรี ชาวไทยวนร่วมพิธีทําบุญใส่บาตรข้าวต้มมัด
ผู้ว่าฯ ราชบุรี นำข้าราชการ ประชาชนทำบุญตักบาตรข้าวต้มมัด ที่วัดนาหนอง ต.ดอนแร่ อ.เมือง สืบสานประเพณีวัฒนธรรมของชาวไทยวนที่มาแต่โบราณเนื่องในวันมาฆบูชา
เพื่อสืบสานประเพณีและวัฒนธรรมที่มีมาแต่โบราณ โดยมีชาวไทยเชื้อสายไทยวน พากันแต่งกายด้วยเสื้อผ้าทอมือคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ประจำพื้นถิ่นที่สวยงามร่วมพิธีทำบุญตักบาตรในวันมาฆบูชา วันเพ็ญเดือน 3 ซึ่งในอดีตวันมาฆบูชาเป็นวันสำคัญที่มีพระสงฆ์ จำนวน 1,250 รูป มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย ถือเป็นอีกวันสำคัญที่ทางพระพุทธศาสนิกชนได้ยึดถือปฏิบัติเป็นประจำทุกปี โดยที่วัดแห่งนี้จะมีการนำข้าวต้มมัดมาร่วมทำบุญตักบาตรแด่พระภิกษุสงฆ์ที่เดินลงมาจากบันไดนาคกว่า 100 ขั้น เป็นภาพที่สวยงามและเป็นวัดแห่งเดียวในราชบุรีที่ได้จัดพิธีดังกล่าว เพื่อคงไว้ซึ่งประเพณีโบราณให้คงอยู่คู่กับท้องถิ่น
พระครูวินัยธร อำนาจ อนุภทโท เจ้าอาวาสวัดนาหนอง กล่าวว่า เป็นการสืบทอดของบรรพบุรุษ อดีตเจ้าอาวาสวัดนาหนอง ปัจจุบันเข้าสู่เจ้าอาวาสรูปที่ 6 แล้ว จัดมาแต่ปี 2481 อาตมาได้มาเป็นเจ้าอาวาสในปัจจุบัน การสืบทอดมาเป็นระยะเวลาประมาณ 82 แล้ว เพื่อให้ประชาชนได้สืบสานประเพณีวัฒนธรรมของชาวไทยวนได้คงอยู่
ส่วนการนำข้าวต้มมัดมาทำบุญนั้น เป็นของที่ทำง่ายสะดวก อีกทั้งที่นี่ยังมีอาชีพเกษตรกรรม มีต้นกล้วยอยู่ในท้องถิ่นมากสามารถนำมาแปรรูปทำขนมได้ง่าย โดยวันนี้ได้นิมนต์พระ จำนวน 63 รูป มารับบิณฑบาตจากญาติโยม นอกจากนี้ยังมีการนำผ้าแดงไปห่มรอยพระพุทธบาท เป็นการบูชารอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าที่ทรงประทับไว้
สำหรับการจัดพิธีทำบุญตักบาตรข้าวต้มมัด 1 ปี มีครั้งเดียว จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-9 กุมภาพันธ์ ถือเป็นงานประจำปีของวัด โดยปีนี้มีการจำหน่ายข้าวต้มมัดใส่ชะลอมไม้ไผ่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จำหน่ายชะลอมละ 99 บาท ให้แก่พุทธศาสนิกชนที่สนใจอยากร่วมทำบุญ รายได้ส่วนหนึ่งหักค่าใช้จ่ายแล้ว จะนำไปมอบเป็นทุนการศึกษาและสงเคราะห์ให้แก่ผู้ป่วยติดเตียงในตำบล ส่วนในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ เวลา 16.00 น. จะมีพิธีห่มผ้าแดงขึ้นดอยพระพุทธบาท เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัวที่ได้มาร่วมในพิธีทำบุญใหญ่ปีนี้