ราชบุรี - อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาสำนักงานอัยการ ภาค 7 เพื่อขอคำแนะนำกรณีทนายตั้ม
วันนี้ (7 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เดินทางมาที่สำนักงานอัยการภาค 7 จังหวัดราชบุรี โดยนั่งรถแท็กซี่ สีชมพู มาจาก กทม. เข้าพบอธิบดีอัยการภาค 7 เพื่อสอบถามและขอคำแนะนำกรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายความชื่อดังและเป็นเลขาธิการของมูลนิธิทีมงานทนายความประชาชนฯ ซึ่งโดนข้อหาร่วมกันนำสืบ แสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ และเบิกความเท็จ ทำให้ "เอมี่ อาเมเรีย จาคอป" อดีตนักแสดงชื่อดังพ้นผิดข้อหาค้ายาเสพติด
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางมาที่สำนักงานอธิบดีอัยการภาค 7 เพื่อมาติดตามคดีกรณีที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ถูกตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน ดำเนินคดีในข้อหาเรียกรับสินบนมาตรา 143 ว่าคดีมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง และได้ขอคำแนะนำปรึกษาเรื่องคดีที่เกี่ยวข้องกับการใช้ พ.ร.บ.ยาเสพติด มาตรา 100/2 อันเป็นเท็จ ในการช่วยเหลือผู้ต้องหาคดียาเสพติด ทางเรากำลังติดตามขยายผลที่เรือนจำกลางราชบุรี เรือนจำเขาบิน และเรือนจำต่างๆ ในพื้นที่ภาค 7 ที่เกี่ยวข้องกับทนายคนดังกล่าวว่ามีทั้งหมดกี่คดี
ซึ่งผลการตรวจสอบมีความคืบหน้าไปมาก เชื่อว่ามีคดีจำนวนมากที่มีการใช้ พ.ร.บ.ยาเสพติด มาตรา 100/2 อันเป็นเท็จกับนักโทษที่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการสอบสวนสืบสวนขยายผลอยู่ ในส่วนเรื่องคดีที่เรียกรับสินบน ทางผู้เกี่ยวข้องก็กำลังพิจารณาอยู่ ซึ่งจะไม่มีการไปก้าวล่วงในการทำหน้าที่ของคณะทำงาน รอเพื่อให้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เราเชื่อว่าทางสำนักงานอธิบดีอัยการภาค 7 จะให้ความเป็นธรรมต่อเราได้ เพราะว่าที่ทราบมาท่านเป็นบุคคลที่ทำงานตรงๆ และเป็นข้าราชการที่ดีในสำนักงานอัยการ
นายอัจฉริยะ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนทางด้าน นายษิทรา จะมีการแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ถือเป็นสิทธิของทนายคนดังกล่าว แต่ความจริงก็คือความจริง มันหนีความจริงไปไม่พ้น ซึ่งเราได้รับการร้องเรียนจากนักโทษจำนวนมากในการดำเนินคดีในครั้งนี้ เชื่อว่าอีกไม่นานความจริงก็จะปรากฏขึ้นในอีกหลายคดี ซึ่งขณะนี้มีไม่ต่ำกว่า 30 คดี ซึ่งเรามีหน้าที่คือพิสูจน์ความจริงว่า มีกระบวนการใช้ พ.ร.บ.ยาเสพติด มาตรา 100/2 อันเป็นเท็จมาช่วยเหลือผู้ต้องหาในคดียาเสพติดจริงหรือไม่ ขอให้ประชาชนรอดูต่อไป
ทุกอย่างจะมีการเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง อาจจะต้องใช้เวลาบ้างเพราะว่าผู้เกี่ยวข้องก็มีทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทนายความที่เข้าไปเกี่ยวข้องถือว่าทำกันเป็นขบวนการ ซึ่งต้องขอใช้เวลาตรวจสอบว่า เจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกแอบอ้างชื่อได้ร่วมมือจริงไหม เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีชื่อร่วมกระทำมีตัวตนจริงหรือไม่ ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
