รัฐสภา - เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 14.00 น. ห้องประชุม 408 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) นายบุญลือ ประเสริฐโสภา ประธานคณะกรรมาธิการกีฬา (ป.กมธ.กีฬา) สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานประชุมคณะกรรมาธิการกีฬา ครั้งที่ 13 มีคณะกรรมาธิการกีฬาเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
โดยวาระสำคัญเป็นเรื่องการพิจารณาปัญหาที่เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับกระบวนการบริหารจัดการเกี่ยวกับกิจกรรมกีฬามวยไทย ตามแนวทางการขับเคลื่อนกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิก 2024 (PARIS 2024) คณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร จึงได้เชิญบุคคลเข้าร่วมหารือเพื่อร่วมพัฒนากีฬามวยไทยร่วมกัน ประกอบด้วย คุณหญิง ปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล สมาชิกคณะกรรมาการโอลิมปิกสสากล (IOC) ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการคณะกรรมาการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ประธานคณะกรรมการกีฬามวย (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมาการกีฬามวย ประธานสภามวยไทยโลก (พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร) นายสมาคมกีฬามวยสมัครเล่นแห่งประเทศไทยฯ (ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ) และนายกสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย (สมชาติ เจริญวัชรวิทย์)
การพูดคุยเปิดกว้างการแสดงความเห็น โดยเฉพาะการปรับแนวทางและความเข้าใจที่ชัดเจนระหว่างสมาคมกีฬามวยสมัครเล่นฯ และสมาคมกีฬามวยอาชีพฯ อธิบายเพื่อทราบปัญหา ซึ่งมีการนำ พ.ร.บ.มวยฯ ที่เกี่ยวพันในข้อกฎหมาย รวมไปถึงการที่จะส่งนักกีฬาสู่การแข่งขันชกมวยไทยในทุกประเภทกีฬา ไปสู่โอลิมปิก ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 30 ปี
แต่เวทีหารือก็จบลงด้วยความเข้าใจที่ทั้ง 2 สมาคมฯ ตกลงพร้อมใจจับมือกันที่จะพูดคุยเพื่อให้กีฬามวยไทย ที่ถือเป็นมรดกโลกได้เข้าไปเป็นหนึ่งในเกมกีฬาโอลิมปิก
ดร.บุญลือ ประเสริฐโสภา ป.กมธ.กีฬา สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การเปิดให้มีการพูดคุยไม่ใช่เป็นเวทีที่มาปะทะกัน แต่เป็นการพูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นสมาคมมวยสมัครเล่นฯ หรือมวยอาชีพ ถือว่าทั้ง 2 แห่งเกิดขึ้นก็เพื่อพัฒนากีฬามวยไทยให้ดีขึ้น ประเด็นอยู่ที่การแบ่งภารกิจ
โดยผู้รับผิดชอบ หมายถึง ในส่วนการกีฬาแห่งประเทศไทยและฝ่ายสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย ต้องแยกให้ชัดว่าระหว่างสมาคมมวยไทยอาชีพ กับสมาคมมวยไทยสมัครเล่นฯ ควรมีการจัดระเบียบแยกแยะภารกิจออกไป ถึงจะรู้ว่าใครมีขอบเขตภาระหน้าที่แต่ละด้านใครมีหน้าที่ ใครรับผิดชอบกันอย่างไร เพราะเชื่อว่าทุกฝ่ายก็ต้องการให้มวยไทยเข้าสู่โอลิมปิก
ดร.บุญลือ กล่าวอีกว่า สิ่งที่คลาดเคลื่อน กมธ.กีฬา สภาผู้แทนราษฎร ได้มอบหมายให้ผู้ว่าฯ กกท. ดำเนินการแก้ไขปัญหาทั้ง 2 สมาคมฯ ให้ไปจัดขึ้นทะเบียนทั้งมวยอาชีพและมวยสมัครเล่นฯ เพื่อให้มีความชัดเจนว่าการส่งนักกีฬาชกต่างประเทศ รวมถึงกีฬาโอลิมปิก เป็นหน้าที่ของหน่วยงานใด รวมถึงมิสเตอร์สเตฟาน ฟอรก์ ที่อธิบายว่า 36 สมาคมมวยไทย อาจจะเป็นปัญหานั้นจะดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างไร จากนั้นให้ผู้ว่าฯ กกท. มารายงานให้ทราบเพื่อแก้ไขปัญหานี้ในการนัดประชุมครั้งต่อไป