กาญจนบุรี - จุดไฟเผาอ้อยจนได้เรื่อง ลุกลามไหม้บ้านเรือนประชาชนชาว อ.ท่ามะกา 2 หลัง ทรัพย์สินมีค่าถูกเผาวอดไปกับกองเพลิง ขณะที่เจ้าของบ้านออกมาเรียกร้องภาครัฐแก้ปัญหาการลักลอบเผาอ้อยให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดเสียที
วันนี้ (29 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า ‘Janjira Henthongdee’ ซึ่งเป็นของ น.ส.จันจิรา เห็นทองดี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 โรงเรียนพระแท่นดงรังวิทยาคาร และผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า ‘Prompong Henthongde’ ซึ่งเป็นของ พลทหารพร้อมพงษ์ เห็นทองดี สังกัด ร.19 พัน 3 ค่ายสุรสีห์ 2 คนพี่น้องได้โพสต์ภาพความเสียหายของบ้านและทรัพย์สินที่ถูกเผาวอดไปกับกองเพลิง สาเหตุจากการจุดไฟเผาไร่อ้อยของเพื่อนบ้านที่มีพื้นที่ติดกัน พร้อมข้อความระบุว่า “เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่บ้านเลขที่ 2/2 หมู่ 5 ต.อุโลกสี่หมื่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี วันที่ 28 มกราคม 2563
สิ่งที่คุณทำมันดีแล้วหรือ การทำให้คนที่เขาไม่รู้อะไรต้องมารับกรรมที่พวกคุณทำไว้ บ้านถูกไฟไหม้ทั้ง 2 หลังเสียหายหลายบาท มันคุ้มแล้วเหรอ รถเสียหายไป 3 คัน บ้านทั้งหลัง มันดีแล้วเหรอกับสิ่งที่คุณทำ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่คุณไม่เคยนึกถึงใจของพวกเราเลยสักคน พวกเราบอกคุณหลายรอบแล้วเรื่องอ้อย ว่าให้ปลูกห่างจากบ้านของพวกเรา เพราะชอบมีคนลักจุดทุกๆ ปี เหมือนงานวัด บอกกี่รอบคุณก็ไม่เคยจะสนใจพวกเรา
จนกระทั่งปีนี้บ้านเราโดนไฟไหม้ คุณก็ยังไม่มาดูแล สิ่งที่ควรคิดได้แล้วคือการเลิกจุดไฟอ้อยกันสักที ต้องให้คนตายก่อนใช่ไหมคุณถึงจะรู้สึก ของสำคัญเสียหายไปหลายอย่าง พวกคุณจะรับผิดชอบไหวไหม สิ่งนี้พวกคุณควรได้รับการเรียนรู้สักที เหตุการณ์เกิดขึ้นทุกปีคุณยังไม่เรียนรู้ ปีนี้บ้าน 2 หลังนี้ขอเป็นครั้งสุดท้าย อย่าได้เกิดขึ้นอีก และขอให้คนที่ชอบมีความสุขบนความทุกข์คนอื่นได้เรียนรู้สิ่งนี้สักที #ผลของการเผาอ้อย #ลักจุดอ้อย #ไฟไหม้บ้าน”
พวกคุณสบายตัดอ้อยไม่ลำบาก แล้วครอบครัวผมล่ะครับ บ้านผม บ้านย่าผม คนแก่อยู่บ้านคนเดียว ทำอะไรไม่ถูก เห็นบ้านไฟไหม้ทำอะไรไม่ถูกสักอย่าง บ้าน 2 หลัง รถ 3 คัน ข้าวของเครื่องใช้ไม่เหลือสักอย่าง #ใครรับผิดชอบ?? ห้องเก็บของเก็บเครื่องมือช่างของพ่อ ที่เคยแน่นเอี้ยดแทบไม่มีที่วาง #เหลือแต่ซาก #ใครรับผิดชอบ
ซึ่งหลังจากโพสต์ดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไปได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เข้ามาแสดงความเห็นใจและเป็นกำลังใจให้เจ้าของโพสต์ พร้อมกับให้ฟ้องร้องดำเนินคดีและเรียกค่าเสียหายกับเจ้าของไร่อ้อยซึ่งเป็นต้นเหตุ
รวมทั้งวิพากษ์วิจารณ์กรณีการจุดไฟเผาไร่อ้อยในหลายๆ พื้นที่ ที่ช่วงนี้มีการลักลอบเผากันทุกวัน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ จังหวัดกาญจนบุรี ได้ออกประกาศกำหนดพื้นที่และมาตรการควบคุมผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองแล้วก็ตาม แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการจับกุมหรือดำเนินการเอาผิดต่อผู้กระทำผิดแม้แต่รายเดียว
จากการสอบถาม นายกิตติ เห็นทองดี อายุ 49 ปี ลุงของ น.ส.จันจิรา เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 16.00 น. ได้เกิดเหตุไฟไหม้ไร่อ้อยที่มีพื้นที่ติดต่อกับบ้านของตน เป็นเหตุไฟลุกลามเข้ามาไหม้บ้าน จนทำให้ทรัพย์สินของตนได้รับความเสียหายทั้งหมด
ซึ่งขณะเกิดเหตุไม่มีผู้ใดอยู่บ้าน โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ระดมฉีดน้ำดับไฟที่กำลังโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่สุดท้ายเปลวเพลิงก็ทำให้บ้าน 2 หลัง และทรัพย์สินมีค่าภายในบ้านได้รับความเสียหายทั้งหมด แต่หากควบคุมเพลิงไว้ได้ช้ากว่านี้ ก็อาจลุกลามไปบ้านอีกหลังที่ปลูกติดกันอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลช่วยเหลือตนและครอบครัว เนื่องจากข้าวของได้รับความเสียหายไปกับเปลวเพลิงทั้งหมด และที่สำคัญอยากให้แก้ปัญหาเรื่องการเผาอ้อยอย่างจริงจังเสียที เพราะเมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นแล้ว ตนถามว่า “ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ”
ซึ่งโดยปกติแม่ตนจะพักอาศัยอยู่คนเดียว โชคดีที่ขณะเกิดเหตุออกไปซื้อของที่ตลาด และเมื่อกลับมาพบว่าไฟกำลังลุกไหม้บ้านอยู่ จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาระงับเหตุ ขณะที่น้องชายและน้องสะใภ้ก็ออกไปทำงาน และหากแม่ของตนเป็นอะไรไป ตนถามว่า “ใครจะรับผิดชอบครอบครัวของตน และน้องชายที่ได้รับความเสียหาย” อยากให้ทางการแก้ปัญหาการเผาอ้อยให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดเสียที คนอื่นจะได้ไม่เดือดร้อนกันอย่างเช่นที่เกิดขึ้นนี้
ทั้งนี้ หากประชาชนท่านใดประสงค์ที่จะให้ความช่วยเหลือสามารถบริจาคได้ที่ บัญชีชื่อ นางวันเพ็ญ เห็นทองดี ธนาคารธนชาต หมายเลขบัญชี 338-6-12193-8
ล่าสุด เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ต่อไป