ตาก - ชาวทุ่งกง-วังเจ้าหวาดผวากันทั้งหมู่บ้าน..เชื่อสิ่งลี้ลับอาละวาด แค่ 2 เดือนคร่าชีวิตคนในชุมชนแล้วถึง 7 ราย เหมือนถูกผีอำอีกหลายคน บ้างเห็นเงาสุนัขดำสูงใหญ่-อีกาบินวนนับสิบตัว ต้องพากันแขวนผ้าแดงทำพิธีไล่จับผีแม่ม่ายกันวุ่น
ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาผู้คนในหมู่บ้านทุ่งกง หมู่ 1 ต.ประดาง อ.วังเจ้า จ.ตาก ต่างเล่าลือกันด้วยความหวาดผวาเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับที่มาวนเวียนอยู่ภายในหมู่บ้านและคร่าชีวิตผู้คนในหมู่บ้านไปแล้วถึง 7 ราย โดยเชื่อว่าเป็นผีแม่ม่าย เพราะก่อนหน้านี้มีเรื่องแปลกๆ ผิดธรรมชาติเกิดขึ้นภายในหมู่บ้านของพวกเขาโดยเฉพาะการตายอย่างผิดธรรมชาติและมีผู้พบเห็นสุนัขดำตัวขนาดใหญ่สูงเท่าคน ตอนกลางวันมีฝูงอีกามากกว่า 10 ตัวบินวนเวียนอยู่รอบหมู่บ้าน ส่วนกลางคืนก็มีนกแสกส่งเสียงร้องและบินวนเวียนอยู่รอบหมู่บ้าน
บางรายก็อ้างว่าถูกผีเข้า ขณะที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่กับครอบครัวก็ชักเกร็งและพูดออกมาเป็นเสียงของผู้หญิง จากนั้นก็ได้กระโดดลงจากบ้านแล้ววิ่งไปกลางทุ่งนา ก่อนที่เพื่อนบ้านจะวิ่งไล่ตามแล้วจับตัวนำขึ้นรถ-นำสิ่งศักดิ์สิทธิ์คล้องคอของชายดังกล่าวอาการจึงสงบลงแล้วไปส่งโรงพยาบาลใกล้บ้าน นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านทั้งชายและหญิงนับ 10 คนก็มีอาการคล้ายคลึงกัน
ยายบัวลา พลตื้อ อายุ 70 ปี ภรรยาของตาสมดี พลตื้อ อายุ 76 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิต เล่าว่า วันเกิดเหตุคุณตาไม่มีอาการผิดปกติ มีเพียงอาการปวดเมื่อยร่างกายตามประสาคนสูงวัย ขณะตาสมดีเดินอยู่หน้าห้องน้ำใต้ถุนบ้านโดยมีลูกเขยอยู่ใกล้ๆ จู่ๆ คุณตาก็ไปล้มอยู่ที่หน้าห้องน้ำบริเวณเครื่องซักผ้า จังหวะเดียวกันกับลูกเขยและลูกสาวมาเห็นเหตุการณ์พอดีจึงช่วยกันพยุงร่างของคุณตาออกมาจากจุดเกิดเหตุแล้วตรวจดูปรากฏว่าคุณตาสมดีไม่หายใจ จึงช่วยกันปั๊มหัวใจแต่ไม่สำเร็จ
“เสียใจที่จู่ๆ ก็สูญเสียสามีที่อยู่กินกันมานานกว่า 50 ปีแล้วจากไปกะทันหันโดยไม่ทันได้บอกลา”
ด้านนางติว อายุ 56 ปี ชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่มีเรื่องข่าวลือเกี่ยวกับผีแม่ม่าย ยอมรับว่าส่วนตัวแล้วเชื่อเรื่องลี้ลับว่ามีอยู่จริง แต่ไม่คิดว่าเรื่องราวที่ร่ำลือกันจะเกิดขึ้นที่หมู่บ้านของตน โดยเฉพาะเรื่องที่มีคนพบเห็นสุนัขสีดำขนาดใหญ่และฝูงอีกาบินวนอยู่รอบๆ หมู่บ้าน และยังมีเหตุการณ์แปลกประหลาดอีกหลายอย่าง จึงทำให้ตนเชื่ออย่างสนิทใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องราวอาถรรพ์สิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็น ด้วยหลายวันที่ผ่านมาก็ปรากฏเหตุการณ์เรื่องเลวร้ายต่างๆ เกิดขึ้นภายในหมู่บ้านทำให้ตนและคนในครอบครัวต่างก็กลัวเหมือนกับทุกคนที่อยู่ในหมู่บ้าน
นางคำปุ่น อายุ 59 ปี ผู้ที่อ้างว่าถูกผีอำ เล่าว่า เพราะหวาดผวากับข่าวลือเกี่ยวกับผีแม่ม่าย ตนกับสามีจึงต้องเข้านอนกันดึกดื่นค่อนคืน ช่วงคืนวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมาหลังเข้านอนกันตอนตีหนึ่ง ตนมีอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น ก็สังเกตเห็นเงาดำเป็นชายสูงใหญ่ลักษณะดูผอมโทรมเห็นกระดูกเข้ามานั่งทับที่ร่างของตน โดยลักษณะที่ตนนอนอยู่คือนอนหงายตนพยายามดิ้นเพื่อเอาชีวิตรอด ตอนนั้นเวลาเท่าไรตนก็จำไม่ได้ หลังจากที่ถูกผีทับร่างอยู่นานตนจึงตั้งสติก่อนจะสวดมนต์ไม่นานเงาดำนั้นก็หายไป จากนั้นตนจึงเรียกให้สามีที่นอนอยู่ข้างตัวตื่นขึ้นมาแล้วเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้สามี และลูกๆ ฟัง
จากเหตุการณ์และคำร่ำลือเรื่องผีแม่ม่ายดังกล่าวทำให้บรรดากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และคนเฒ่าคนแก่ รวมไปถึงผู้นำทางจิตวิญญาณในหมู่บ้านหาวิธีแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากชาวบ้านที่เป็นชาวไทยอีสานพลัดถิ่นจากหลายๆ จังหวัดทางภาคอีสานมาอยู่กันเกือบ 300 ครัวเรือน มีประชากรเกือบ 1,000 คน เชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น
กระทั่งผู้เฒ่าผู้แก่และผู้นำทางจิตวิญญาณแนะนำให้ใช้วิธีผูกผ้าแดงไว้ที่หน้าบ้านและเขียนข้อความว่าบ้านนี้ไม่มีผู้ชายติดไว้ที่หน้าบ้าน และยังให้ชาวบ้านโยงสายสิญจน์รอบหมู่บ้าน และวานนี้ (14 ม.ค.) ก็ได้ประกอบพิธีทอดแหจับผีแม่ม่ายตามความเชื่อ จากนั้นก็ทำพิธีส่งวิญญาณให้ผีแม่ม่ายและภูตผีต่างๆ (จำนวนหลายสิบตัว) ไปสู่สุคติ และเชื่อว่าชุมชนของตนเองจะกลับมาสงบสุขอยู่ดีมีสุขสืบไป
นายพิจารณ์ สารเสวก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวังเจ้า อ.วังเจ้า จ.ตาก เปิดเผยว่า ในกระบวนการแพทย์และการวินิจฉัยโรคนั้น ปกติหากผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลส่วนมากจะมีประวัติเดิมที่เจ็บป่วย ส่วนผู้เสียชีวิตบางรายนั้นเสียชีวิตที่บ้าน ก็จะมีทีมแพทย์ไปชันสูตรร่วมกับพนักงานสอบสวน
จากข้อมูลทางการแพทย์ พบว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดบางท่านมีประวัติอาการป่วยเดิมอยู่แล้ว บางรายเป็นผู้สูงอายุ เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ซึ่งเกิดขึ้นได้โดยอายุขัยในวัยชรา ส่วนในเรื่องของพิธีกรรมการขับไล่หรือจับผีแม่ม่ายนั้นต้องมองในลักษณะสาธารณสุขชุมชน คือ หากกระบวนการ หรือพิธีกรรมดังกล่าวไม่ได้กระทบสิทธิของผู้ใด ไม่มีการขับไล่ใครในชุมชน แต่เป็นเรื่องของความเชื่อ เพื่อความสบายใจก็สามารถทำได้
เพราะที่สุดของกระบวนการทั้งหมดก็เพื่อความสบายใจ เมื่อจิตใจของประชาชนในชุมชนมีความสุข ไม่มีความวิตกกังวล ก็ส่งผลถึงสุขภาพจิตของชาวบ้าน และส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากใครยังคงวิตกกังวลไม่สบายใจ หรือมีอาการป่วยไข้ ให้รีบพบแพทย์เพื่อจะได้รับการตรวจรักษาต่อไป