เพชรบูรณ์ - แกนนำกลุ่มสำนึกรักษ์บ้านเกิดทำจดหมายเปิดผนึกเสนอ 4 ข้อ ซัดการทำมาหากินบนความเดือดร้อนของคนอื่นคือการละเมิดสิทธิกัน จุดกระแสต้านเผาอ้อย จี้จังหวัด-รง.น้ำตาลเร่งแก้ไข
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้ากรณีค่าฝุ่น PM 2.5 ที่ อ.เมือง และ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ พุ่งเกินมาตรฐานจนมีผลต่อสุขภาพประชาชน โดยปัจจัยหลักมาจากการเผาไร่อ้อยของเกษตรกร ล่าสุดเริ่มมีองค์กรภาคเอกชนในจังหวัดและองค์กรสื่อมวลชนเคลื่อนไหวจี้ให้ทางจังหวัดเพชรบูรณ์และโรงงานน้ำตาลรวมทั้งสมาคมชาวไร่อ้อยเร่งหามาตรการแก้ไขในเรื่องนี้
นายปัณณทัต ปานเงิน ตัวแทนภาคประชาชน กลุ่มคนรักบ้านเกิดจังหวัดเพชรบูรณ์และสำนึกรักษ์ห้วยใหญ่ ได้ทำหนังสือเปิดผนึกถึงผู้ว่าราชการ จ.เพชรบูรณ์ เรื่องวิกฤตมลภาวะทางอากาศ PM 2.5 ที่สูงเพิ่มขึ้นจนมีผลต่อสุขภาพประชาชน นอกจากนี้ยังสะท้อนการทำงานของทางจังหวัดฯ พร้อมตั้งคำถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความผิดพลาดหรือล้มเหลวไร้ประสิทธิภาพในเรื่องควบคุมดูแลการเผาอ้อยหรือไม่?
นายปัณณทัตได้ยื่นเสนอข้อเรียกร้องรวม 4 ข้อ ได้แก่ ให้มีคำสั่งห้ามบริษัทเอกชนเข้าส่งเสริมการปลูกอ้อยในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์, ห้ามเพิ่มพื้นที่การปลูกอ้อยและต้องลดพื้นที่เสี่ยงเผาให้น้อยลง, ลดพื้นที่การเพาะปลูกอ้อยลง, เพิ่มจุดตรวจสอบสภาพอากาศ PM 2.5 ทุกอำเภอ ส่วนเครือข่ายองค์กรโลกสีเขียวจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยนายสมศักดิ์ คงวิเศษ แกนนำฯ เชิญสมาชิกประชุมหารือเรื่องปัญหาค่าฝุ่น PM 2.5 เพื่อกำหนดท่าทีต่อปัญหา PM 2.5 ที่เพิ่มสูงขึ้นสูงใน 2 อำเภอ ได้แก่ อ.วิเชียรบุรี และ อ.เมืองเพชรบูรณ์ แบบพรวดพราดน่าตกใจ
ด้านนายวิศัลย์ โฆษิตานนท์ ประธานสภาวัฒนธรรม จ.เพชรบูรณ์ และแกนนำกลุ่มคนเพชรบูรณ์ไม่เอาเหมืองแร่ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า “การทำมาหากินโดยสุจริตไม่มีใครว่าอะไร แต่การทำมาหากินที่ก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญหรือสร้างความเสียหายให้แก่ผู้อื่น มันคือการเบียดเบียนกันและละเมิดสิทธิกัน จึงเป็นที่น่ารังเกียจ ต้องถูกต่อต้านไม่ให้เกิดขึ้นในเมืองเพชรบูรณ์
ความยากจนหรือความจำเป็นต้องทำมาหากินเพื่อความอยู่รอด ไม่สามารถใช้เป็นข้ออ้างที่จะทำอะไรก็ได้ แม้จะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เพราะทุกคนก็ต้องทำมาหากินเพื่อความอยู่รอดเช่นเดียวกัน แต่ต้องเป็นอาชีพหรืองานที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร!! ถึงจะอยู่ด้วยกันได้อย่างปกติสุขในสังคมและตัดไฟแต่ต้นลม เพื่อไม่ให้มีปัญหาเพิ่มขึ้น ไม่เอาโรงงานน้ำตาลแห่งที่ 3 ที่ห้วยใหญ่ครับ เพราะมันอยู่ในเขตอนุรักษ์เพื่อเกษตรปลอดภัยและท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และมันใกล้เมืองเกินไป!! คัดค้านโรงงานน้ำตาลแห่งที่ 3 ในจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ห้วยใหญ่”