ลำพูน - หนุ่มวัย 31 ปีลูกชาย ส.ท.แอบรักสาวต่างด้าวคนงานทำความสะอาด ดักรอจนถึงตี 3 กว่า พอเห็นสาวที่หมายปองมาเปิดประตูสำนักงาน รีบพุ่งตัวเข้าไปในบ้านรอบอกรัก จนต้องแจ้ง ตร.ล้อมจับกันวุ่น โชคดีรอดคุกเจ้าของบ้านไม่เอาเรื่อง
วันนี้ (24 ธ.ค.) ศูนย์วิทยุจามเทวี สภ.เมืองลำพูน ได้รับแจ้งเหตุทางโทรศัพท์เมื่อเวลา 03.45 น.ที่ผ่านมา ว่า มีชายแอบซ่อนตัวอยู่ชั้น 3 ของห้างหุ้นส่วน เอ ที พี ลำพูนเทรดดิ้ง เลขที่ 81/7 หมู่ที่ 1 บ้านสันต้นธง ต.ต้นธง อ.เมืองลำพูน ติดกับสำนักงานสถิติจังหวัดลำพูน จึงแจ้งให้ ร.ต.อ.ณรงค์ จันทะจักสี หัวหน้าป้อมยามต้นธง เจ้าหน้าที่ อปพร.เทศบาลต้นธง และเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 20 สายตรวจ รถจักรยานยนต์ 101-102 รวมกำลังกว่า 10 นายปิดล้อมตรวจค้น
เมื่อไปถึงเจ้าของบ้านแจ้งว่า ทุกคืนเวลา 03.00 น. น.ส.สาย หญิงต่างด้าววัย 25 ปี พร้อมกับเพื่อนสาวจะเข้าไปทำความสะอาดสำนักงานจนถึงเช้า คืนนี้ก็มาปกติ แต่เมื่อเปิดประตูหลังบ้านซึ่งอยู่ติดกับห้องน้ำ จู่ๆ พบชายคนหนึ่งอาศัยจังหวะที่เปิดประตูสำนักงานเดินเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว
ซึ่งตอนแรก น.ส.สาย คิดว่าเป็นคนงานที่อยู่ด้านหลัง เพราะที่นี่ทำธุรกิจส่งผักและอาหารในตลาด จึงบอกว่าเข้าบ้านต้องถอดรองเท้าด้วย ชายคนดังกล่าวก็ถอดรองเท้าแล้ววิ่งขึ้นไปบนชั้น 3 ตนเห็นท่าไม่ดี และเพื่อนคนงานสาวก็ตกใจ เพราะไม่เคยรู้จักชายคนนี้ จึงรีบแจ้งให้เจ้าของบ้านทราบ
เมื่อเจ้าของบ้านเดินมาดูก็รู้จักชายคนดังกล่าวดีว่าเป็นลูกชายของ ส.ท.คนหนึ่ง เพราะเคยมารับจ้างช่อมไฟฟ้าให้ จึงเรียกให้ลงมา แต่ชายคนดังกล่าวไม่ยอมลงมา และไม่มีใครกล้าขึ้นไปตาม จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ พร้อมกับไปตามพ่อของชายคนดังกล่าวมา แล้วนำกำลังขึ้นไปเรียก พบว่าที่แท้คือ นายโอม (นามสมมติ) ชายหนุ่มวัย 31 ปี บ้านอยู่ห่างที่เกิดเหตุไปประมาณ 1 กม.
เมื่อเจอเจ้าหน้าที่นายโอม ก็ยื่นมือให้เจ้าหน้าที่พร้อมบอกว่า จับเลย ไม่อยากอยู่ข้างนอก อยากอยู่ในคุก เจ้าหน้าที่สอบถามแต่ก็ให้การวกไปวนมา พอจับใจความได้ว่า มาหลบอยู่ในห้องน้ำตั้งแต่หัวค่ำหวังว่าจะดักพบกับ น.ส.สาย หญิงคนงานต่างด้าวที่แอบชอบ แต่ไม่เคยมาจีบ วันนี้หวังว่าจะมาดักพบและสารภาพรัก แต่ไม่รู้วิธีว่าจะทำอย่างไร จึงเข้ามาแบบนี้
ทางด้านพ่อของนายโอม ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ไม่ทราบว่า 2-3 วันมานี้มีพฤติกรรมแปลกๆ เดินไปเดินมาในหมู่บ้านไม่สวมรองเท้าบ้าง ไม่ใส่เสื้อบ้าง ก่อนที่จะแอบขับรถจักรยานยนต์มาก่อเหตุ อยากให้เจ้าหน้าที่นำตัวไปตรวจปัสสาวะ ต่อมานายโอม ยังยืนยันอีกว่าอยากเข้าคุก เร่งให้เจ้าหน้าที่สวมกุญแจมือ
อย่างไรก็ตามมเจ้าของบ้านบอกว่าไม่มีทรัพย์สินอะไรเสียหายหรือสูญหายแต่อย่างใด และเป็นครั้งแรกที่ทำแบบนี้ ทั้งยังรู้จักคุ้นเคยกับพ่อของผู้ก่อเหตุเป็นอย่างดี ไม่ขอเอาความใดๆ ก่อนจะให้พ่อและแม่พาตัวกลับบ้านไป
