xs
xsm
sm
md
lg

“เอลนีโญ” ทำสถานการณ์น้ำดิบภาคตะวันออกน่าเป็นห่วง วอนปี 63 ใช้น้ำประหยัด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวศรีราชา - “เอลนีโญ” ทำสถานการณ์น้ำดิบภาคตะวันออกน่าเป็นห่วง กรมชลฯ เผยเหลือใช้แค่ 43% ขณะที่ประปาพัทยา เตรียมหาแหล่งน้ำเพิ่มคาดผลิตได้ถึง มิ.ย.63 วอนประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด



วันนี้ (21 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายทินกร สุทิน ผู้อำนวยการโครงการชลประทานชลบุรี ถึงสถานการณ์น้ำดิบในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยเฉพาะ จ.ชลบุรี นับจากวันนี้จนถึงปี 2563 ว่า เข้าข่ายน่าเป็นห่วงและมีแนวโน้มว่าปริมาณน้ำจะย่ำแย่กว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากแต่เดิม จ.ชลบุรี มีแหล่งกักเก็บน้ำดิบในปริมาตรรวม 294 ล้าน ลบ.ม. แต่ในวันนี้กลับพบว่าปริมาณน้ำดิบลดเหลือเพียง 129 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 43% ของความจุรวม
 
“เนื่องด้วยในปีนี้ภาคตะวันออกมีฝนตกเฉลี่ยน้อยกว่าปกติ 40-50% ขณะที่การผันน้ำจากลุ่มน้ำบางปะกง และคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต ต้องหยุดดำเนินการหลังสูบน้ำกลับเข้ามากักเก็บได้ไม่นาน เนื่องจากน้ำมีความเค็มสูง”

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ชลประทานชลบุรี กำลังมีแผนที่จะผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จ.ระยอง ซึ่งรับน้ำมาจากอ่างเก็บน้ำปะแสร์ จ.จันทบุรี เพื่อสูบมาลงที่อ่างเก็บน้ำหนองค้อ และส่งต่อเข้าสู่เมืองพัทยา เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนน้ำ

ขณะที่ปริมาณน้ำกักเก็บของ จ.จันทบุรี และระยอง ก็มีไม่มากนักและยังต้องวางแผนในการขุดแหล่งน้ำเพิ่มเติม หรือใช้น้ำดิบจากแหล่งกักเก็บของเอกชนเข้าร่วมด้วย

ผู้อำนวยการโครงการชลประทานชลบุรี ยังกล่าวอีกว่า อนาคตยังวางแผนที่จะผันน้ำเพิ่มจากอ่างเก็บน้ำปะแสร์ มาสู่พื้นที่ชลบุรี อีกปีละกว่า 80 ล้าน ลบ.ม.เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลน้ำในระยะยาว

“กรณีของ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นศูนย์กลางโครงการพัฒนาพื้นที่พิเศษระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC คาดว่ารัฐบาลจะให้ความสำคัญและลงมาดูปัญหาเรื่องของสถานการณ์น้ำดิบเพื่อรองรับความเจริญและความเติบโตในอนาคต” ผู้อำนวยการโครงการชลประทานชลบุรี กล่าว

ด้าน นายสุทัศน์ นุชปาน ผู้จัดการสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาคพัทยา เผยว่าเมืองพัทยา มีแหล่งน้ำดิบหลักที่ใช้ในการผลิต จำนวน 5 อ่างเก็บน้ำ ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำหนองกลางดง ห้วยสะพาน ห้วยขุนจิต ชากนอก และมาบประชัน ซึ่งมีความจุรวมเต็มปริมาตรที่ 39.52 ล้าน ลบ.ม.

ขณะที่การใช้น้ำของเมืองพัทยาถือว่ามีปริมาณสูงสุดในประเทศ ถึงปีละกว่า 80 ล้าน ลบ.ม. ทำให้การใช้น้ำไม่เพียงพอ จึงต้องผันน้ำมาจากแหล่งอื่น ทั้งจากอ่างเก็บน้ำบางพระ อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล และอ่างเก็บน้ำปะแสร์ รวมทั้งซื้อน้ำดิบจาก บริษัท อีสวอร์เตอร์ จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วนกว่า 20% จึงจะทำให้การแจกจ่ายน้ำในพื้นที่เมืองพัทยาไม่มีปัญหา

“ในปีนี้พบว่าปริมาณน้ำดิบที่เหลือในหลายแหล่งมีปริมาณไม่เท่ากับปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาฝนที่ตกลงมาน้อยกว่าปกติและสภาวะฝนทิ้งช่วงจากปรากฏการณ์ "เอลนีโญ" จึงทำให้มีปริมาณฝนที่จะไหลเข้าสู่อ่างฯ น้อยลง จึงจำเป็นต้องมีการสูบน้ำสำรองมาใช้จนทำให้ปริมาณเหลือจำกัด และคาดว่าจะใช้งานได้ถึงเดือน มิ.ย.2563 ซึ่งแม้ว่าจะยังมีน้ำเหลืออยู่บ้างแต่จำเป็นต้องคงสภาพไว้เพื่อป้องกันปัญหาอ่างฯ แตกหรือไม่อุ้มน้ำ”

อย่างไรก็ตามปัจจุบัน สำนักงานการประปาส่วนภูมิภาคพัทยา ได้สูบน้ำดิบเพิ่มเติมจากอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล มายังสถานีผลิตประปาพัทยาจากเดิมวันละ 7 หมื่น ลบ.ม. เป็นวันละ 1.1 แสน ลบ.ม.

นายสุทัศน์ กล่าวต่อไปว่า จากการคาดการณ์ในปกติก่อนถึงเดือน มิ.ย.จะมีฝนตกลงมาในทุกปีซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำดิบเพิ่มขึ้น แต่ทางการประปาฯ ก็ต้องวางแผนทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว เพื่อให้ปัญหาไม่เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภคหรือน้อยที่สุด

“ซึ่งนอกจากการปรับปรุงสายการผลิต การวางระบบท่อใหม่ และการแก้ไขปัญหาท่อแตกรั่วและการสูญเสียน้ำแล้ว มีแผนที่จะผันน้ำดิบเพิ่มขึ้น รวมทั้งรณรงค์ให้ผู้ประกอบการและประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด ขณะที่ช่วงเวลาอันใกล้นี้อาจต้องมีการลดแรงดันน้ำลงบางส่วนเพื่อประหยัดน้ำอีกด้วย” ผู้จัดการสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาคพัทยา กล่าว












กำลังโหลดความคิดเห็น