xs
xsm
sm
md
lg

จบแล้ว! ตร.เมากร่างขู่คู่กรณี-ตบหน้ากู้ภัย แอ่นอกรับผิดแสดงความเสียใจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวศรีราชา - จบด้วยดี! ตร.เมากร่างขู่คู่กรณี-ตบหน้ากู้ภัย แอ่นอกรับผิดพร้อมแสดงความเสียใจ ยันไม่ใช่คนขับเบนซ์ป้ายแดงและไม่มีเจตนาทำร้ายแค่ต้องการลงมาเคลียร์ เผยเข้าใจความรู้สึก ส่วนคู่กรณีได้เข้าเยี่ยมและขอโทษแล้วเช่นกัน



จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "ต้องเริ่มใหม่สักกี่ครั้ง ศิริรักษ์ ณ บางช้าง" ได้โพสต์ข้อความพร้อมคลิปภาพต่อว่าชายขับรถเบนซ์ที่อ้างตนเองว่าเป็นตำรวจ ก่อเหตุตบหน้าเจ้าหน้าที่กู้ภัย เหตุเพราะไม่พอใจที่ช่วยนำตัวคนเจ็บซึ่งถูกชายขับรถเบนซ์ชนส่งโรงพยาบาล โดยได้ใช้ถ้อยคำไม่สุภาพด่าทอเจ้าหน้าที่กู้ภัย พร้อมแสดงท่าทางที่ไม่ดีใส่ และในคลิปภาพยังเผยให้เห็นช่วงที่ชายซึ่งอ้างตนเป็นตำรวจใช้มือตบหน้าเจ้าหน้าที่กู้ภัย จนทำให้มีผู้คนในโลกสังคมออนไลน์เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก

กระทั่ง พ.ต.อ.วัชรวิชญ์ นิธิวรรัชย์ ผู้กำกับการ สภ.เสม็ด ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุได้ออกมายืนยันว่า ผู้ที่อยู่ในคลิปภาพคือ พ.ต.ท.วิฑูร พานทอง สารวัตรฝ่ายอำนวยการ 6 บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 2 ซึ่งหลังเกิดเหตุเจ้าตัวได้ยอมรับว่าเป็นบุคคลในคลิปภาพจริง แต่ไม่ได้เป็นคนขับรถและยอมรับว่าได้ใช้ถ้อยคำรุนแรงกับคู่กรณีจากความมึนเมา แต่ไม่ได้ตั้งใจที่จะตบหน้าเจ้าหน้าที่กู้ภัย เพียงแต่เป็นการใช้มือปัดเท่านั้น

ล่าสุด เมื่อเวลาเมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (7 ธ.ค.) พ.ต.ท.วิฑูร พานทอง สว.ฝอ.6 บก.อก.ภ.2 ได้เดินทางมายัง สภ.เสม็ด เพื่อพบกับ นายกัมพล ศรีพภูบุตร อายุ 23 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัยไตรคุณธรรม และอาสากู้ภัยที่อยู่ในที่เหตุการณ์ พร้อมได้กล่าวคำขอโทษและมอบกระเช้าแสดงความเสียใจแก่เจ้าหน้าที่กู้ภัย

โดย พ.ต.ท.วิฑูร เผยทั้งน้ำตาว่า ในวันเกิดเหตุตนเองได้ไปรับประทานอาหารกับเพื่อนและมีการดื่มกันจนเกิดอาการเมามาย แต่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนขับรถเบนซ์คันที่เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ซึ่งหลังเกิดเหตุตนเองแค่ต้องการจะลงมาเคลียร์กับคู่กรณี เพราะเกรงว่าอาจเป็นมิจฉาชีพ

ส่วนคดีรถเฉี่ยวชนให้เป็นหน้าที่ของประกัน ซึ่งที่ผ่านมา ตนเองและเพื่อนได้เดินทางไปเยี่ยมคู่กรณีเพื่อรับผิดชอบในการกระทำแล้ว ขณะที่เหตุการณ์ที่เกิดกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยขอยืนยันว่า ไม่ได้ตั้งใจและยอมรับว่าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ที่สำคัญตำรวจและกู้ภัยต้องทำงานร่วมกัน จึงไม่อยากให้มีเรื่องที่ผิดใจกันต่อไป

อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยว่า สาเหตุที่นำเรื่องราวและคลิปภาพโพสต์ลงในโลกสังคมออนไลน์ เพียงเพราะเกิดความน้อยใจเรื่องการทำงานเพื่อสังคม แต่สุดท้ายกับต้องเจอเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ทางกู้ภัยได้ลบโพตส์และคลิปดังกล่าวออกจากโลกสังคมออนไลน์แล้ว














กำลังโหลดความคิดเห็น