ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ปลื้มผลการจัดงานผ้าทออีสาน ESAAN FABRIC EXPO 2019 ประสบผลสำเร็จ โอ่ยอดขายทั้ง 300 คูหารวมทั้งสิ้นกว่า 20.6 ล้านบาท ผ้าทออีสานยกระดับไปสู่แฟชั่นระดับโลกได้จริง เล็งขยายกลุ่มผู้สวมใส่ไปยังกลุ่มวัยรุ่น ข้าราชการ
นายชัยยะเจตน์ จันทร์อักษร พาณิชย์จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า จากการจัดงานผ้าทออีสาน ESAAN FABRIC EXPO 2019 เมื่อวันที่ 1-5 พฤศจิกายน 2562 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดขอนแก่น มียอดขายทั้งสิ้น 20,655,904 บาท โดยเฉลี่ย 300 คูหา คิดเป็น 68,853 บาท/คูหา หรือคิดเป็นรายได้ต่อวัน 13,770 บาท ถือว่าการจัดงานประสบความสำเร็จจากยอดขายรวม เมื่อเปรียบเทียบกับการจัดงานภายในห้างสรรพสินค้า หรือภายใน Hall ในเขตกรุงเทพมหานคร
ด้านศักยภาพของผู้ประกอบการ กลุ่มที่ 1 คือผู้ประกอบการที่มียอดขาย 0-20,000 บาท มี 58 คูหา มียอดขายรวม 623,840 บาท หรือคำนวณเฉลี่ยต่อคูหาจำหน่ายได้คูหาละ 10,755 บาท ส่วนใหญ่อยู่ในโซนอาหารที่ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์จากผ้าจำนวน 23 คูหา หรือเท่ากับ 19.3% ของผู้ประกอบการกลุ่มนี้ กลุ่มที่ 2 ที่มียอดขาย 20,001-50,000 บาท มี 113 คูหา มียอดขายรวม 3,986,789 บาท หรือเฉลี่ยจำหน่ายได้คูหาละ 35,281 บาท อยู่กระจัดกระจายทั้งงาน แสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มีศักยภาพแข่งขันระดับปานกลาง ยอดขายขึ้นกับจำนวนผู้เที่ยวชมงาน ซึ่งผู้ประกอบการกลุ่มนี้มีมากที่สุดถึง 37% แต่มียอดขายรวมเพียง 21.7% ของยอดขายรวมตลอดทั้งงาน
กลุ่มที่ 3 คือที่มียอดขาย 50,001-70,000 บาท มี 52 คูหา มียอดขายรวม 3,117,786 บาท หรือคำนวณเฉลี่ยต่อคูหาจำหน่ายได้คูหาละ 59,957 บาท ซึ่งส่วนใหญ่อยู่กระจัดกระจายทั่วทั้งงาน แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการกลุ่มนี้มีศักยภาพการแข่งขันที่ดี คิดเป็น 17.3% ของผู้ประกอบการ มีรายได้เฉลี่ยรวมตลอดทั้งงาน 16.9% กลุ่มที่ 4 ที่มียอดขาย 70,001-120,000 บาท มี 47 คูหา ยอดขายรวม 4,449,095 บาท หรือคำนวณเฉลี่ยต่อคูหาจำหน่ายได้คูหาละ 94,661 บาท ส่วนใหญ่อยู่กระจัดกระจาย คิดเป็น 15.6% ของผู้ประกอบการ รายได้ตลอดการจัดงานคิดเป็น 24.2% แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการกลุ่มนี้สามารถแข่งขันได้ระดับดีมาก
กลุ่มที่ 5 คือที่มียอดขาย 120,001-170,000 บาท มี 14 คูหา ยอดขายรวม 2,003,204 บาท เฉลี่ยจำหน่ายได้คูหาละ 143,000 บาท ส่วนใหญ่อยู่กระจัดกระจาย คิดเป็น 4.6% ของผู้ประกอบการ รายได้ตลอดการจัดงานคิดเป็น 10.9% แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการกลุ่มนี้ที่สามารถแข่งขันได้ระดับดีมาก กลุ่มที่ 6 คือที่มียอดขาย 170,001 บาทขึ้นไป มี 16 คูหา มียอดขายรวม 4,325,200 บาท เฉลี่ยต่อคูหาจำหน่ายได้ละ 270,325 บาท ส่วนใหญ่อยู่กระจัดกระจาย คิดเป็น 4.6% ของผู้ประกอบการ รายได้ตลอดจัดงานคิดเป็น 23.5% แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการกลุ่มนี้สามารถแข่งขันได้ในระดับดีเยี่ยม
สรุปยอดขายทั้ง 6 กลุ่มแสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการที่มีศักยภาพการแข่งขันคือกลุ่มที่มียอดขายตั้งแต่ 70,001-170,000 รวม 77 คูหา หรือคิดเป็น 25% ของผู้ประกอบการทั้งหมดที่สามารถแข่งขันในตลาดทั้งในและต่างประเทศได้ กลุ่มนี้ควรได้รับการส่งเสริมและหาช่องทางตลาดเพิ่มเติม เพราะผลิตภัณฑ์มีศักยภาพในการแข่งขันดีอยู่แล้ว
กลุ่มที่มียอดขาย 50,000-70,000 บาท มีเพียง 52 คูหา หรือเท่ากับ 17% กลุ่มนี้ต้องได้รับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เช่น ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ตรงความต้องการของตลาดมากขึ้น กลุ่มที่มียอดขาย 0-50,000 บาท มีจำนวน 171 คูหา หรือคิดเป็น 57% ของผู้ประกอบการทั้งหมด ควรได้รับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตั้งแต่กระบวนการผลิต ไปถึงการแปรรูป และเพิ่มทักษะทางการตลาดให้มากขึ้น
จากข้อมูลการจัดงานครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าการพัฒนาผ้าทออีสานไม่ว่าจะเป็นผ้าฝ้าย ผ้าย้อมคราม ผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าไหมแพรวา ผ้าลายจก ซึ่งเดิมนิยมขายเป็นผ้าผืนเพื่อนำไปตัดเป็นชุด เมื่อหน่วยงานราชการและเอกชนสนับสนุนให้ดีไซเนอร์ออกแบบให้สอดคล้องกับความต้องการตลาดมากขึ้น พร้อมขยายกลุ่มผู้สวมใส่ผ้าทอจากกลุ่มผู้สูงอายุใส่งานพิธีต่างๆ นำมาใช้กับกลุ่มวัยรุ่น รวมถึงกลุ่มราชการสวมใส่หลากหลายสไตล์ จากยอดขายของกลุ่มที่ได้รับการพัฒนาแล้วมียอดขายสูงสุดภายในงาน จึงชี้ให้เห็นว่าผ้าทออีสานสามารถยกระดับไปสู่แฟชั่นระดับโลกได้ตามวัตถุประสงค์การจัดงาน