กำแพงเพชร – งานแต่งหวิดกลายเป็นงานศพ..แขกรับเชิญเขม่นกัน ถึงขั้นใช้รองเท้าตบหน้า-ทะเลาะวิวาทกลางเวทีดนตรีฉลองมงคลสมรส หนุ่มเจ้าถิ่นเข้าห้ามโดนลูกหลง วิ่งกลับไปคว้าลูกซองยิงใส่แขกรับเชิญต่างถิ่นเจ็บ 1
บ่ายวันนี้(24 พ.ย.) ร.ต.ท.หญิง กชกร ดอกพิกุล พนักงานสอบสวน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร ได้เดินทางไปตรวจสอบเหตุยิงกันในงานแต่งงานบ้านนาหล่ม หมู่ที่ 7 ต.หนองปลิง อ.เมืองกำแพงเพชร มีผู้บาดเจ็บ 1 รายถูกนำส่งโรงพยาบาลกำแพงเพชร เพื่อให้แพทย์ทำการรักษา
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ระหว่างที่มีการจัดงานเลี้ยงฉลองแต่งงานขึ้นภายในหมู่บ้าน และอยู่ในช่วงแสดงดนตรี จู่ๆก็มีเหตุทะเลาะวิวาทขึ้นด้านหลังเวทีดนตรีจนชุลมุนวุ่นวาย และมีผู้ใช้อาวุธปืนยิงนายชัยวัฒน์ สูงสันเขป อายุ 24 ปี ได้รับบาดเจ็บ
ส่วนผู้ที่ใช้อาวุธปืนยิงคือนายธงชาติ มั่นคง อายุ 40 ปี ชาวบ้านในหมู่บ้านดังกล่าว ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว ได้ให้การว่าก่อนเกิดเหตุขณะมีการเล่นดนตรีกันอยู่ ตนก็กำลังสนุกสนานอยู่ด้านหน้าเวที จู่ๆก็มีคนมาบอกว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทด้านหลังเวที
เมื่อเข้าไปดูหลังเวทีเห็นมีการทะเลาะวิวาทกันจริงและหลานของตนก็ถูกทำร้ายด้วย จึงเข้าไปห้ามแต่กลับถูกวัยรุ่นต่างหมู่บ้านเข้ามาทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ตนจึงวิ่งกลับไปเอาปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นที่ทำร้ายตน จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหนึ่งราย ก่อนจะรอมอบตัวอยู่ในที่เกิดเหตุ
ด้านญาติและกลุ่มเพื่อนผู้บาดเจ็บที่มายืนรอดูอาการ ให้การว่ากลุ่มตนพร้อมด้วยผู้บาดเจ็บมาร่วมงานแต่งและยืนดูกลุ่มคนที่กำลังสนุกสนานอยู่กับวงดนตรี บางช่วงก็ยืนมองหน้ากันกับกลุ่มคู่กรณีจนมีการตะโกนถามมาว่า..มองหน้าทำไม และเกิดการเขม่นกระทบกระทั่งกัน จนหนึ่งในกลุ่มของตนใช้รองเท้าไปตบหน้าวัยรุ่นในกลุ่มดังกล่าวลุกลามเกิดการทะเลาะวิวาท จู่ๆผู้ก่อเหตุก็ใช้อาวุธปืนมายิงใส่กลุ่มของตนจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บบริเวณช่องท้องด้านขวา แขนขวา หัวไหล่ขวา
ขณะที่พนักงานสอบสวน ที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และสอบถามคู่กรณีทั้งสองฝ่ายแล้ว เบื้องต้นได้ควบคุมตัวนายธงชาติ มั่นคง ไปสอบสวนที่ สภ.เมืองกำแพงเพชร ซึ่งนายธงชาติรับสารภาพว่าก่อเหตุใช้อาวุธปืนจริง จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่ามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ชุมชน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน" ส่วนผู้บาดเจ็บต้องรอให้อาการดีขึ้นก่อนและรอให้ผู้อยู่ในเหตุเข้ามาให้ปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง ก่อนพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป