ศูนย์ข่าวศรีราชา- ตร.พัทยา ตั้งข้อหาหนุ่มไกด์หัวร้อนชักปืนขู่โชเฟอร์รถตู้หลังเกิดเหตุทะเลาะกันบนถนนพัทยาสาย 2 ทั้งข่มขู่ผู้อื่น พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรแม้เป็นเพียงบีบีกัน ด้านหนุ่มไกด์อ้างพกไว้ป้องกันโจร พร้อมขอโทษคู่กรณี
จากกรณีที่มีผู้โพสต์คลิปภาพเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกันกลางถนนระหว่างคนขับรถตู้รับส่งนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กับคนขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์ ลงในโลกสังคมออนไลน์โดยเป็นภาพขณะคนขับรถยนต์เก๋งหยิบเอาอาวุธปืนในรถออกมาข่มขู่คนขับรถตู้ท่ามกลางสายตาชาวบ้านและนักท่องเที่ยว จนเกิดการแชร์ต่อและยังมีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 18.00 น.วันนี้ (23 พ.ย.) พ.ต.อ.ฐนพงศ์ โพธิ์ธิ รรท. ผกก.สภ.เมืองพัทยา พร้อมด้วย พ.ต.ท.กมล อัปการัตน์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้เชิญตัว นายเสถียร สระทองเยาว์ อายุ 39 ปี โชเฟอร์รถตู้รับนักท่องเที่ยว ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียนป้ายเหลือง 33-0841กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นของบริษัท anex tour
และ นายพิเศษกุล เขียวพริ้ง อายุ 31 ปี คู่กรณีที่ขับรถยนต์เก๋งโตโยต้าวีออส สีเทา หมายเลขทะเบียน ฌภ 6670 กรุงเทพมหานคร มาทำการสอบสวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดย นายเสถียร โชเฟอร์รถตู้กล่าวว่า หลังจากขับรถตู้ไปส่งนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียในเมืองพัทยา และกำลังเดินทางกลับบริษัท กระทั่งมาถึงถนนจอมเทียนสาย2 ได้เจอรถคู่กรณีกระทั่งจอดรถปะทะคารมกันกลางถนนตามคลิปที่ปรากฏ พร้อมยอมรับว่ามีการโต้เถียงกันแต่เป็นเพียงแค่ถามว่าทำไมขับรถแบบนี้
แต่คนขับรถเก๋งไม่ยอมจนลงมาทะเลาะกัน ก่อนที่คนขับรถเก๋งจะหยิบปืนในรถมาข่มขู่ตนเองจึงต้องถอยและแยกย้ายกันไป
ด้าน นายพิเศษกุล เขียวพริ้ง คนขับรถเก๋งซึ่งมีอาชีพไกด์นำเที่ยว ได้ยอมรับผิดและขอโทษคู่กรณี รวมทั้งประชาชนที่ทำเรื่องราวดังกล่าวโดยไม่ยั้งคิด ส่วนอาวุธปืนที่เห็นในคลิปเป็นเพียงเป็นบีบีกันที่ซื้อมา
"ส่วนที่ต้องพกไว้ในรถก็เพราะก่อนหน้านี้เคยถูกคนร้ายพยายามขี่รถจักรยานยนต์พยายามจะชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนที่บริเวณถนนเส้นชีจรรย์ ระหว่างไปเที่ยวในจังหวัดระยอง" นายพิเศษกุล กล่าว
พ.ต.อ.ฐนพงศ์ กล่าวว่า เบื้องต้นทั้งคู่ทำงานในสายอาชีพเดียวกันจึงได้ทำความเข้าใจและให้ขอโทษกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในเบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อ นายพิเศษกุล เขียวพริ้ง คนขับรถเก๋งในข้อหาข่มขู่ผู้อื่นซึ่งมีโทษเพียงเสียค่าปรับ และข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
"ในส่วนของอาวุธปืนนั้นตรวจสอบพบว่าเป็นบีบีกัน เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดไว้เพื่อจะส่งตรวจว่าสามารถแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมได้อีกหรือไม่ และหากสามารถแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมได้ก็จะเรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย" พ.ต.อ.ฐนพงศ์ กล่าว