ศูนย์ข่าวศรีราชา- สุดยื้อชีวิต! วาฬเพชฌฆาตดำขนาดใหญ่เกยหาดพัทยาหลังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนำตัวรักษาศูนย์อนุรักษ์เต่าทะเล กองทัพเรือสัตหีบ สุดท้ายไม่รอด เผยผลผ่าพิสูจน์ไม่พบขยะพลาสติกในกระเพาะ คาดอาจติดเชื้อในกระแสเลือด
จากกรณีที่นักตกปลาในเมืองพัทยา พบวาฬเพชฌฆาตแคระดำขนาดใหญ่เกยตื้นบริเวณชายหาดพัทยา เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา จนสร้างความแตกตื่นให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่พากันแห่บันทึกภาพ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่จากกรมเจ้าท่า ต้องกันนักท่องเที่ยวให้อยู่บนฝั่ง เนื่องจากวาฬเพชฌฆาตแคระดำ ขนาดความยาวประมาณ 3.40 เมตร มีบาดแผลถลอกตามร่างกายหลายจุดและยังมีอาการป่วย
ก่อนประสานสัตวแพทย์ศูนย์อนุรักษ์เต่าทะเล กองทัพเรือสัตหีบ เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ทีมเจ้าหน้าที่ทหารกองทัพเรือสัตหีบ และเจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานงานเครือข่ายช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากเกยตื้น ต้องเคลื่อนย้ายตัวไปยังศูนย์อนุรักษ์เต่าทะเลของกองทัพเรือ เพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษานั้น
ที่สำคัญยังเชื่อว่าวาฬเพชฌฆาตดำตัวดังกล่าวน่าจะเป็นตัวเดียวกับที่ชาวประมงเกาะกูด จ.ตราด พบเมื่อหลายวันก่อนนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ว่า วาฬเพชฌฆาตดำ ได้เสียชีวิตแล้วตั้งแต่เวลา 04.00 น. วันที่ 22 พ.ย.2562 หลังทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่จากศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ ได้นำตัวเข้ารักษา
โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้นำซากปลาวาเพชฌฆาต ทำการผ่าพิสูจน์และสรุปว่าไม่พบสิ่งแปลกปลอมในลำไส้และกระเพาะอาหาร แต่พบเพียงบาดแผลบริเวณกระเพาะอาหารที่เกิดจากของมีคม และยังพบพยาธิประมาณ 4-5 ตัวในซากวาฬเท่านั้น
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่จะทำการเก็บตัวอย่างบางส่วนไปตรวจให้ละเอียดอีกครั้ง โดยยังไม่ฟันธงว่า วาฬเพชฌฆาตดำ เสียชีวิตด้วยสาเหตุใดจนกว่าผลการตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดจะออกมาอย่างชัดเจน
ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าน่าจะเกิดจากการติดเชื้อในกระแสเลือด จนทำให้อวัยวะต่างๆ มีการอักเสบและทำงานไม่ได้ ทำให้อวัยวะภายในล้มเหลว โดยการช่วยเหลือวาฬเพชฌฆาตดำในครั้งนี้แม้จะไม่สามารถยื้อชีวิต และยังไม่สามารถสรุปสาเหตุการตายว่าเกิดจากธรรมชาติ หรือจากน้ำมือมนุษย์ที่กระทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยกันรักษาทรัพยากรทางทะเล สัตว์ทะเลที่หายาก หรือใกล้จะสูญพันธุ์ ไม่ให้หายไปจากท้องทะเลไทย ก็คือ การช่วยกันรักษาความสะอาดไม่ทิ้งเศษขยะถุงพลาสติกลงในทะเล หรือบริเวณชายหาด รวมไปถึงการรณรงค์ไม่ใช้ถุงพลาสติก เพื่อร่วมกันลดภาวะโลกร้อน
