บุรีรัมย์ - ผอ.แขวงทางหลวงบุรีรัมย์ชี้ชาวบ้านนำถุงปุ๋ยและสแลนคลุมหลอดไฟส่องสว่างบนถนนหลวงอ้างทำข้าวไม่ออกรวงทำไม่ได้เพราะเป็นทรัพย์สินราชการผิด พ.ร.บ.ทางหลวง สั่ง จนท.เร่งรื้อออกหวั่นเป็นอันตรายผู้สัญจร รับที่ผ่านมามีชาวนาขอให้ปิดไฟส่องสว่าง อ้างทำให้ข้าวสังเคราะห์แสงตลอดเวลาส่งผลโตช้าไม่ออกรวง
วันนี้ (20 พ.ย.) จากกรณีที่มีชาวบ้านหรือเกษตรกรนำกระสอบปุ๋ยและสแลนกันแดดปิดคลุมหลอดไฟฟ้าส่องสว่างบนถนนทางหลวงหมายเลข บร.3001 สายละหานทราย-นางรอง ช่วงถนนสี่เลน บริเวณบ้านจอมปราสาท ต.สะเดา อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ พร้อมใช้เชือกมัดกับกระป๋องกาแฟ และก้อนหินผูกติดห้อยระโยงระยาง รวมจำนวน 7 ต้น เพราะมีความเชื่อว่าแสงไฟทำให้ข้าวในนาโตช้าและไม่ออกรวง จนกลายเป็นที่แปลกใจแก่ผู้พบเห็นและสัญจรไปมานั้น
ล่าสุด นายวิทย์ วรวงศ์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทบุรีรัมย์ ระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นแม้จะเป็นความเชื่อของชาวบ้าน แต่ความจริงแล้วไม่สามารถที่จะกระทำได้เพราะเป็นทรัพย์สินของทางราชการ หากนำสิ่งของหรือสิ่งแปลกแปลอมใดๆ ไปใส่จะเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ทางหลวง ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบและดำเนินการรื้อถอนออกแล้ว พร้อมทั้งให้ทำความเข้าใจแก่ชาวบ้านด้วย
ส่วนบทลงโทษนั้นต้องไปดูในข้อกฎหมายอีกครั้งว่ามีความผิดอย่างไร เพราะกรณีดังกล่าวยังไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่เบื้องต้นได้ทำการตักเตือนและทำความเข้าใจกับชาวบ้านว่าไม่สามารถกระทำได้
นายวิทย์ยังยอมรับว่า ที่ผ่านมาเคยมีเกษตรกรในหลายอำเภอ เช่น อ.นาโพธิ์ และ อ.พลับพลาชัย ที่มีที่นาอยู่ติดถนนใกล้กับเสาไฟฟ้าส่องสว่าง ร้องขอให้แขวงทางหลวงปิดไฟให้ช่วงที่ข้าวใกล้ออกรวง โดยให้เหตุผลว่าแสงสว่างจากไฟฟ้าทำให้ข้าวสังเคราะห์แสงตลอดเวลา ส่งผลให้ข้าวโตช้าและไม่ออกรวง ซึ่งที่ผ่านมาแขวงทางหลวงได้อนุโลมให้เป็นบางกรณีและบางจุดที่ไม่เป็นจุดเสี่ยงอันตราย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่เกษตรกร แต่หากบริเวณไหนที่เป็นจุดเสี่ยงอันตรายหรือทางโค้งก็ไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งจะพิจารณาเป็นรายๆ ไป
