อุทัยธานี - เปิดใจหมอประเสริฐ-อดีต ผอ.รพ.หนองฉาง วันที่ต้องแปะป้ายปิดการตรวจรักษาด้วยสารสกัดกัญชา
วันนี้ (20 พ.ย.) นายแพทย์ ประเสริฐ มงคลศิริ อดีต ผอ.โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี เปิดเผยถึงการปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์-ยุติการรักษาผู้ป่วยด้วยน้ำมันกัญชา ที่ได้ประกาศหยุดทำการอย่างเป็นทางการไปเมื่อวานนี้ ส่งผลให้ผู้ป่วยทั้งเก่าและใหม่ที่เข้ามารับการรักษาได้รับผลกระทบไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะไปหาน้ำมันกัญชาที่ไหนมาใช้รักษาโรคของตัวเอง เพราะที่นี่คือความหวังที่ผู้ป่วยทุกคนเดินทางมารักษาโรคภัย-อาการทรมาน
นายแพทย์ ประเสริฐเปิดเผยว่า สาเหตุที่ต้องหยุดให้การรักษาด้วยน้ำมันกัญชาก็เพื่อให้เกิดความสบายใจแก่ทุกฝ่าย เพราะคลินิกกัญชาที่โรงพยาบาลหนองฉางเกิดขึ้นตอนตนเป็นผู้อำนวยการ ซึ่งก็รับผิดชอบได้ทุกอย่างแม้กระทั่งน้ำมันกัญชาที่ใช้ ต่อมาองค์การเภสัชฯ ผลิตได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม กระจายออกมาตามโรงพยาบาลศูนย์ฯ แต่ก็ยังไม่ถึงตน จึงจำเป็นต้องใช้ของที่เรียกได้ว่ายังไม่ถูกต้องนัก ซึ่งก็รับผิดชอบตัวเองด้วยถือว่าเรานำมาใช้ทางการแพทย์ แต่กฎหมายปัจจุบันแก้แล้ว กัญชาก็จะได้เป็นยาเสพติดประเภท 5 นำมาใช้ทางการแพทย์ได้
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตนเกษียณอายุราชการหมดหน้าที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาล และก็ได้ผู้อำนวยการคนใหม่ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดก็เป็นคนใหม่ ซึ่งก็ได้คุยกันแล้วเห็นว่าน้ำมันกัญชาที่เราใช้ไม่ใช่ขององค์การเภสัชฯ ก็เกิดความไม่สบายใจ ตนก็ไม่อยากให้ต้องมารับผิดชอบอะไรกับตนเองด้วย เพื่อความสบายใจ ก็เลยจะขอยุติการตรวจที่คลินิกของที่นี่ก่อน แต่ว่าคลินิกแพทย์ของโรงพยาบาลหนองฉางยังมีอยู่ยังให้คำปรึกษาได้อยู่ แต่จะไม่มีการใช้น้ำมันกัญชา เพราะเรายังไม่ได้มีของที่ถูกต้องทีเดียว
ส่วนเรื่องที่ว่าจะกลับมาเปิดใหม่หรือไม่นั้น ต้องแล้วแต่นโยบายของนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และผู้อำนวยการโรงพยาบาลฯคนใหม่ว่าจะเอาอย่างไรกัน จะตรวจรักษากันอย่างไร จะใช้น้ำมันกัญชาอย่างไร ต้องมีที่มาที่ไปเพื่อทุกๆ ฝ่ายจะได้สบายใจด้วย
“ต้องเน้นไว้ตรงนี้ว่าผู้ที่รับผิดชอบเขาก็ต้องรับผิดชอบ ผมไม่สามารถไปรับผิดชอบแทนใครได้ ตอนนี้ก็คือทำให้ถูกต้อง แต่ตัวเองยังรณรงค์ให้ประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสเข้าถึงการใช้กัญชาเพื่อรักษาโรค ให้เข้าถึงได้ง่ายๆ ต้องยอมรับว่าขณะนี้ตามโรงพยาบาลต่างๆ ที่เปิดไปแล้วตามนโยบายของกระทรวงนั้น การเข้าถึงของประชาชนก็ยังเข้าถึงได้ยากอยู่เพราะมีขั้นตอนมีกฎเกณฑ์และมีมาตรฐานว่าจะต้องเป็นโรคแค่เพียงไม่กี่กลุ่มโรคเท่านั้นถึงจะใช้ได้ เพราะฉะนั้นยังมีข้อจำกัดในเรื่องของกฎเกณฑ์ ซึ่งก็อยากให้เปิดกว้างกว่านี้”
นายแพทย์ ประเสริฐยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า กฎหมายกัญชาถูกเขียนด้วยมือคน ในสารสกัดจากกัญชามีสารที่มีฤทธิ์ต่อประสาทที่ทำให้มึนเมา จึงอาจทำให้เป็นจุดที่ดึงกัญชาให้กลายเป็นสารเสพติด ทั้งที่จริงแล้วกัญชาเป็นสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาและรักษาโรคได้มาก หากเรานำมาใช้ให้ตรงจุดและอยู่ในปริมาณที่เราสามารถควบคุมดูแลได้ และที่สำคัญ กัญชายังมีอันตรายน้อยกว่าเหล้าและบุหรี่ ที่ไม่ได้ถูกเรียกว่าเป็นสารเสพติดด้วยซ้ำ