รถแห่งานบุญแห่ร้อง ส.ส.ขอนแก่นช่วย เดือดร้อนถูกตำรวจห้ามเจ้าภาพจ้าง

ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ผู้ประกอบการรถแห่จังหวัดขอนแก่นและจังหวัดชัยภูมิยื่นหนังสือร้องเรียน ส.ส.ขอนแก่นเขต 2 เดือดร้อนถูกตำรวจห้ามจ้างรถแห่ในงานบุญ หวังนำข้อร้องเรียนเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรสู่การแก้ไข


ที่ศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผู้ประกอบการรถแห่จากจังหวัดขอนแก่น และจังหวัดชัยภูมิได้นำรถแห่ดนตรีจำนวนกว่า 10 คันมารวมตัวกัน เพื่อขอยื่นหนังสือผ่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อขอให้นำเรื่องไปพิจารณา หลังจากได้รับความเดือดร้อนถูกตำรวจในหลายอำเภอห้ามไม่ให้มีการจ้างรถแห่ไปแสดงในงานบุญ งานแสดงต่างๆ

นายอดุลย์ เวียงดินดำ ตัวแทนผู้ประกอบการรถแห่ซาวา อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการรถแห่กำลังเดือดร้อนหนัก เพราะหลังจากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติออกคำสั่งห้ามการแสดงรถแห่ ทำให้สถานีตำรวจในหลายอำเภอได้สั่งห้ามไม่ให้มีการจ้างรถแห่ไปแสดงเพื่อป้องกันการทะเลาะวิวาท เรื่องนี้ตนมองว่าเป็นการแก้ไขปัญหาไม่ถูกต้อง เพราะรถแห่เป็นการแสดงสร้างความบันเทิงภายในงานที่เจ้าภาพได้จ้างงาน แต่กลับถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของการทะเลาะของกลุ่มวัยรุ่นที่มาร่วมขบวนแห่

ขณะนี้ผู้ประกอบการได้รับความเดือดร้อนเพราะไม่มีงานเข้า ขณะที่รถแห่แต่ละคันต้องลงทุนมากกว่า 2-5 ล้านบาท และยังต้องมีค่าดูแลลูกน้องด้วย ส่วนเรื่องการทะเลาะวิวาทนั้นเป็นปัญหาสังคมมากกว่าจะเกิดจากรถแห่ที่เป็นต้นเหตุของการทะเลาะวิวาท อยากให้สังคมได้เข้าใจด้วยว่าการทะเลาะวิวาทกันไม่ได้มีสาเหตุเกิดจากรถแห่อย่างเดียว อยากให้แก้ปัญหาเหตุทะเลาะวิวาทที่ต้นเหตุอย่างแท้จริงด้วย


ด้านนายวัฒนา ช่างเหลา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่นเขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมารับเรื่องร้องทุกข์ พร้อมกล่าวว่า ธุรกิจรถแห่ถือเป็นธุรกิจใหม่ที่เกิดขึ้นและเป็นอาชีพที่สุจริต โดยผู้ประกอบการที่มาทำธุรกิจต้องลงทุนคันละหลายล้านบาท ทั้งมีภาระต้องดูแลสมาชิกอีกกว่า 20 คน จะนำปัญหาเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจะได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการหาทางออกเรื่องนี้ว่าจะหาทางแก้ไขอย่างไร


ทั้งนี้ ปัญหาของผู้ประกอบการรถแห่ยังเป็นช่องว่างทางกฎหมาย ยังไม่มีระเบียบหรือข้อบังคับควบคุม ไม่ว่าจะเป็นระดับเสียงที่จะกำหนดความดังไม่เกินกี่เดซิเบล ระยะเวลาการแสดงในแต่ละงาน รวมทั้งควรจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหรือไม่ ดังนั้น ปัญหานี้จะต้องมีการพูดคุยกันก่อนเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ชาวบ้านจะต้องไม่เดือดร้อนจากการแสดง ผู้ประกอบการก็จะได้มีแนวทางในการแสดง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ด้วย