กาฬสินธุ์-ตำรวจสภ.กุฉินารายณ์ คุมตัว 2 โจ๋ลวงเด็กหญิงวัย 13 ปีผลัดกันข่มขืน ฝากขังศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เหตุมีพฤติกรรมหลบหนี เผยรู้จักเหยื่อทางเฟซบุ๊กก่อนลวงออกมาให้เพื่อนขืนใจ ส่งชุดสืบสวนล่าอีกคนที่หลบหนี
ความคืบหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป) นำกำลังจับกุมตัวนายศิริชัย ชนะสงคราม อายุ 19 ปี และนายชานนท์ กมลภา อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ที่ 235 และที่ 237 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 ข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี, กระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี, พรากและพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง เพื่อการอนาจาร
โดยจับกุมนายศิริชัยได้ภายในนิคมมาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง ส่วนนายชานนท์ จับกุมได้ที่ห้องเช่าไม่มีเลขที่ ม.1 ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี หลังร่วมกันกับนายชัยณรงค์ ศรีสมชัย อายุ 25 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนี ก่อเหตุลวงเด็กหญิงวัย 13 ปี ไปผลัดกันข่มขืน โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันนี้ (15พ.ย.62) เมื่อเวลา 11.30 น. พ.ต.อ.สมชาย ภูกองชนะ ผกก.สภ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์, ร.ต.อ.เอนก สุตนนท์ พนักงานสอบสวนสภ.กุฉินารายณ์ เจ้าของคดี ได้สอบปากคำนายศิริชัย ชนะสงคราม อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65 ม.9 บ้านบอนเขียว ต.นาขาม อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ และนายชานนท์ กมลภา อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 92 ม.5 ต.นาขาม อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ หลังไปรับตัวจากกองบังคับการปราบปราม ก่อนจะนำตัวทั้งสองคนไปฝากขังที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยพนักงานสอบสวนยื่นคัดค้านประกันตัว เนื่องจากทั้งสองคนมีพฤติกรรมหลบหนี และเกรงว่าอาจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานและผู้เสียหาย
พ.ต.อ.สมชาย ภูกองชนะ ผกก.สภ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่าสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การรับสารภาพ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา หนึ่งในผู้ต้องหา คือนายศิริชัย ได้โทรศัพท์ไปล่อลวงเด็กหญิงวัย 13 ปี ซึ่งรู้จักกันทางเฟซบุ๊กออกมาจากบ้าน และขี่รถจักรยานยนต์ไปรับที่ทางเข้าหมู่บ้าน โดยบอกว่าจะพาไปเที่ยว ก่อนจะพาไปที่กระท่อมนาท้ายหมู่บ้าน ซึ่งมีนายชานนท์และนายชัยณรงค์ นั่งดื่มสุรารออยู่
นายศิริชัย ได้ทำอนาจารเด็กโดยการกอดและจูบ จากนั้นนายศิริชัยและนายอานนท์ ได้พาเด็กหญิงไปที่บ้านของนายอานนท์ ก่อนที่นายอานนท์ได้กระทำชำเราขืนใจเด็กหญิง 2 ครั้ง และวันต่อมา นายอานนท์ได้พาเด็กหญิงไปส่งต่อให้กับนายชัยณรงค์ ที่รออยู่กระท่อมสวนยางพาราของตนเอง และนายชัยณรงค์ได้กระทำชำเราขืนใจเด็กหญิงหลายครั้ง ญาติได้ออกตามหาเด็กหญิงแต่ก็ไม่พบ กระทั่งวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 เด็กหญิงได้ส่งไลน์มาหาเพื่อนที่โรงเรียนให้ไปรับที่กระท่อม ซึ่งญาติได้ตามไปและสอบถามเหตุการณ์จนทราบเรื่องและได้เข้าแจ้งความตำรวจ
พ.ต.อ.สมชาย กล่าวว่าผู้ต้องหาทั้งสามคนหลังก่อเหตุได้แยกย้ายกันหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำ และรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลออกกมายจับและประสานไปยังตำรวจกองบังคับการปราบปรามติดตามตัว กระทั่งสามารถติดตามได้ 2 คน เบื้องต้นได้แจ้งข้อหานายศิริชัย กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี, พรากและพาเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง เพื่อการอนาจาร
ส่วนนายอานนท์ ได้แจ้งข้อหา กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี, กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี,พรากและพายุเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง และนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากมีพฤติกรรมหลบหนี และเกรงว่าจะไปยุ่งเกี่ยวกับพยานและผู้เสียหาย ส่วนนายชัยณรงค์ ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี ขณะนี้ทราบว่าได้ออกนอกพื้นไปแล้ว แต่ชุดสืบสวนกำลังแกะรอยเร่งติดตามตัว เพื่อมาดำเนินคดีต่อไป
ด้านนายเคน (นามสมมุติ) อายุ 57 ปี ตาของเด็กหญิงวัย 13 ปี กล่าวว่าหลานสาวอาศัยอยู่กับตนและภรรยารวม 3 คน เนื่องจากพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เกิด ซึ่งตนและภรรายามีอาชีพปลูกผักขายและเลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะ ล่าสุดทราบว่าพ่อเด็กก็เสียชีวิตแล้ว ส่วนแม่ไปทำงานที่กรุงเทพฯ นานครั้งจะกลับมาเยี่ยมลูก โดยในวันเกิดเหตุนั้นอยู่ดีๆหลานสาวได้หายตัวไป ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2562 ตนและภรรยา รวมทั้งญาติๆได้ออกตามหา ทั้งที่โรงเรียนและบ้านเพื่อนก็ไม่พบ พยายามโทรศัพท์หาก็ติดต่อไม่ได้ ทีแรกคิดว่าเสียชีวิตแล้ว กระทั่งวันที่ 29พ.ค. ทราบว่าหลานส่งไลน์มาบอกให้เพื่อนไปรับตัวที่กระท่อมสวนยางพารา จึงรีบไปรับตัวมา
หลังพาตัวหลานกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่ามีความผิดปกติ ซึมเศร้า จึงสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างหายตัวไปเกือบ 5 วัน จนทราบความว่าถูกชาย 3 คน ที่อยู่คนละตำบลพาไปขืนใจและไม่ให้ใช้โทรศัพท์ จึงได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ เนื่องจากหลานสาวนั้นอายุยังน้อย เป็นคนเชื่อคนง่าย และยังไร้เดียงสา ล่าสุดทราบว่าตำรวจจับตัวได้แล้ว อยากขอบคุณและให้ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อเหตุให้ถึงที่สุด และเร่งติดตามคนก่อเหตุที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีโดยเร็ว