ชาวบ้านหนองมะโมงแจ้งความอ้างถูกสวมสิทธิ-ปลอมลายเซ็นให้เห็นชอบสร้างฟาร์มหมูเอื้อเอกชน

วันนี้ (15 พ.ย.) นายณรงค์ ตามพหัส อายุ 46 ปี พร้อมชาวบ้าน 4 ราย เป็นตัวแทนชาวบ้านดงสวนหมาก ม.6 ต.หนองมะโมง อ.หนองมะโมง จ.ชัยนาท นำเอกสารสำเนารายชื่อผู้เข้าร่วมประชาคมรับฟังความคิดเห็นการก่อสร้างฟาร์มสุกรในพื้นที่หมู่บ้านดงสวนหมาก ที่อ้างว่าพวกตนและคนในหมู่บ้านอีกหลายคน ถูกสวมสิทธิ และถูกปลอมลายมือชื่อในเอกสารประชาคม เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.รังสรรค์ โอสาร พนักงานสอบสวน สภ.หนองมะโมง

เพื่อให้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง และดำเนินการเอาผิดต่อผู้ทำเอกสารประชาคมดังกล่าว เพราะเชื่อว่าเป็นเอกสารเท็จ ที่จัดทำขึ้นเพื่อนำไปใช้ในการอนุญาตให้บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเข้าไปดำเนินการก่อสร้างฟาร์มเลี้ยงแม่พันธุ์สุกรขนาดใหญ่ บนพื้นที่ 127 ไร่ ภายในหมู่บ้าน ทั้งที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ได้มีการคัดค้านไม่ให้มีการก่อสร้างฟาร์มสุกรมาโดยตลอด เพราะไม่อาจทนกับกลิ่นเหม็น และผลกระทบที่จะตามมาภายหลังได้ แต่ระหว่างดำเนินการคัดค้าน ชาวบ้านหลายรายกลับพบว่า พวกตนถูกนำรายชื่อไปสวมสิทธิ และถูกปลอมแปลงลายมือชื่อลงในเอกสารประชาคมดังกล่าว จนทำให้บริษัทเอกชนได้รับอนุญาตให้ดำเนินการก่อสร้างฟาร์มสุกรในหมู่บ้านอยู่ในขณะนี้

นายณรงค์ ตามพหัส เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ค.62 ผู้นำหมู่บ้านมีการเรียกประชุมประจำเดือน ณ ศาลากลางหมู่บ้านดงสวนหมาก มีชาวบ้านไปเข้าร่วมประชุมตามปกติ เพราะคิดว่าเป็นการประชุมประจำเดือนของหมู่บ้าน แต่เมื่อพบว่าจะมีการขอมติจากชาวบ้านให้เห็นชอบจัดสร้างฟาร์มเลี้ยงสุกรแม่พันธุ์ 7,600 แม่ ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่จะมาตั้งภายในพื้นที่หมู่บ้าน ชาวบ้านก็ไม่ยินยอม และเดินทางกลับบ้านเป็นส่วนใหญ่ มีชาวบ้านเหลืออยู่ร่วมประชุมไม่เกิน 30 ราย ต่อมาไม่นานบริษัทเอกชนก็เข้ามาดำเนินการก่อสร้างฟาร์มสุกร

พวกตนจึงไปขอเอกสารการประชุม จึงพบว่าชาวบ้านหลายรายถูกสวมสิทธิและปลอมลายมือชื่อในเอกสารการประชุม ที่ระบุว่า มีผู้เข้าร่วมประชุมในวันนั้นมากกว่า 60 คน และเห็นชอบให้ก่อสร้างฟาร์มสุกร ทั้งที่ในความเป็นจริง ชาวบ้านที่มีรายชื่อและลายเซ็นในเอกสารการประชุมวันนั้น หลายคนไม่ได้เข้าร่วมประชุม อย่างเช่น ตน และนายเสวก อ่อนศรี แต่กลับมีชื่อและลายเซ็นปรากฏในเอกสาร บางคนเข้าประชุมแต่ไม่ได้เซ็นชื่อ ก็มีลายเซ็นที่ไม่ใช่ลายเซ็นตัวเอง บางคนเขียนหนังสือไม่เป็น ต้องใช้พิมพ์ลายนิ้วมือ แต่กลับมีลายเซ็นในเอกสาร จึงแน่ใจว่าเป็นการทำเอกสารเท็จเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทเอกชน จึงเข้าแจ้งความต่อตำรวจ เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว

เช่นเดียวกับ น.ส.พรทิพย์ จบศรี อายุ 39 ปี บอกว่า วันนั้นไม่ได้มาเข้าร่วมประชุม แต่ก็มีรายชื่อและลายเซ็นของตนปรากฏในเอกสารด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังมีรายชื่อของบิดา พร้อมทั้งลายเซ็นด้วย ทั้งที่บิดาตนเขียนหนังสือไม่เป็น ต้องใช้พิมพ์ลายนิ้วมือแทนการลงชื่อเท่านั้น แต่ในเอกสารกลับเป็นลายเซ็นที่เป็นตัวอักษร ขณะที่ นางบุญยัง ภูมี อายุ 65 ปี และนางทองปาน พรมสนธิ์ อายุ 57 ปี บอกว่า แม้ตนทั้งคู่จะไปเข้าร่วมประชุม แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการให้สร้างฟาร์มสุกรในพื้นที่หมู่บ้าน เนื่องจากกลัวผลกระทบจากเรื่องกลิ่นเหม็นที่จะตามมา เพราะเคยประสบกับกลิ่นเหม็นจากฟาร์มสุกรในหมู่บ้านข้างเคียงมาแล้ว และยืนยันว่าลายเซ็นที่ปรากฏในเอกสารไม่ใช่ลายเซ็นของพวกตน

เบื้องต้น พนักงานสอบสวน สภ.หนองมะโมง ได้รับแจ้งความไว้ โดยจะดำเนินการสอบปากคำผู้เสียหาย และเชิญผู้จัดทำเอกสารและผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำต่อไป หากพบว่าเป็นการปลอมแปลงเอกสารจริง ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อผู้กระทำความผิดต่อไป