บุรีรัมย์-เหยื่อถูกล่อซื้อจับลิขสิทธิ์การ์ตูน 7 รายที่บุรีรัมย์ส่วนใหญ่เป็นสาวแม่ลูกอ่อน หอบลูกน้อยบุกแจ้งความเอาผิดแก๊งล่อจับลิขสิทธิ์กรรโชกทรัพย์รายละหลักหมื่นถึงแสน แฉพฤติกรรมคล้ายกันมาสั่งผ่านเฟซเจาะจงเป็นลายโดราเอมอน เรียกค่าปรับแลกไม่ถูกดำเนินคดี บางรายแค่ไปเป็นเพื่อนถูกยัดข้อหาด้วย
วันนี้ (10 พ.ย.) ผู้เสียหายที่ถูกกลุ่มบุคคลอ้างว่าเป็นตัวแทนบริษัทลิขสิทธิ์ลายการ์ตูนดัง เข้าล่อซื้อจับกุมและถูกเรียกเงินรายละตั้งแต่หลักหมื่นบาทถึงแสนบาท ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอเมือง จ.บุรีรัมย์ และอำเภอใกล้เคียงจำนวน 7 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสาวแม่ลูกอ่อน ได้หอบลูกน้อยพร้อมเอกสารหลักฐานข้อมูลการแชทผ่านโซเชียลมีเดีย และเอกสารที่เกี่ยวข้อง เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมของกลุ่มแก๊งดังกล่าวที่มาล่อซื้อจับกุม ว่ากระทำการอย่างถูกต้องหรือไม่ เพราะจากพฤติการณ์เชื่อว่าเป็นการล่อลวงให้กระทำผิด
โดยการแชทมาสั่งสินค้าผ่านเฟซบุ๊กเจาะจงเอาเฉพาะลายการ์ตูน เช่น โดราเอมอน คิตตี้ ริลัคคุมะ และลายอื่นๆ ที่เข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อจะสั่งสินค้าในออนไลน์ เช่น เคสโทรศัพท์ แก้วเยติ กระเป๋าไหมพรม บางคนไปรับซื้อต่อมาอีกทอดมาให้ พอถึงวันนัดส่งสินค้าแก๊งดังกล่าวเข้ามาบุกจับกุมบอกว่าขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ก่อนจะเรียกเงินค่าปรับบางรายให้เจรจาจ่ายค่าปรับกันที่โรงพัก บางรายโอนเข้าบัญชีรายละหลักหมื่นถึงแสนบาท โดยขู่ว่าหากไม่จ่ายจะจับติดคุกหลายปี ทำให้เหยื่อต้องไปหาหยิบยืมเงินมาจ่ายให้
ทั้งนี้บางรายที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการขายสินค้า เพียงแค่ไปเป็นเพื่อนเพราะไม่ได้รู้จักกับคนที่แชทมาสั่งของ กลับถูกยัดข้อหาและถูกเรียกเอาเงินเหมือนกัน
อย่างเช่นกรณีของ น.ส.จินตนา นุชเจริญ อายุ 25 ปี ชาวบ้านหนองเก็ม ต.ไพศาล อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ หนึ่งในผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความ บอกว่า ตนมีลูกอายุ 5 ขวบไม่ได้มีอาชีพอะไรจึงได้ทดลองสั่งเคสโทรศัพท์มือถือทางออนไลน์มาขาย มีหลากหลายลวดลาย แล้วเมื่อประมาณเดือน ก.ค.ก็มีหนึ่งในแก๊งดังกล่าวทักแชทมาบอกว่าจะสั่งซื้อเคสโทรศัพท์ 10 อัน ในราคา 1,000 บาท โดยเจาะจงว่าขอเป็นลายโดราเอม่อน ตนหลงเชื่อสั่งเคสลายโดราเอม่อนทางออนไลน์มาให้ตามที่สั่น และเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา นัดให้ไปส่งสินค้าให้ที่หน้าโลตัสประโคนชัย ซึ่งวันนั้นได้พาลูกสาววัย 5 ขวบไปด้วย แล้วพอดีน้องชายซึ่งเรียนอยู่ ม.รามคำแหง ก็ขอติดรถไปซื้อของด้วย
แต่พอไปถึงหน้าห้างฯเทสโก้-โลตัสจุดที่นัดส่งของให้ จู่ๆ มีกลุ่มคนทั้งชายหญิงแสดงตัวว่าเป็นตัวแทนบริษัทลิขสิทธิ์ และเจ้าหน้าที่จากกองปราบ มาจับกุมฐานขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ตกใจมากทำอะไรไม่ถูก จากนั้นแก๊งดังกล่าวพาไปที่ สภ.ประโคนชัย แล้วเรียกค่าปรับตนเองกับน้องชายคนละ 50,000 บาท ซึ่งตนบอกว่าน้องชายไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยแค่ขอติดรถมาซื้อของแต่แก๊งดังกล่าวก็ไม่ฟัง ขู่จะเอาเงินอย่างเดียวบอกว่าถ้าไม่จ่ายจะดำเนินคดีต้องติดคุกหลายปี
ด้วยความที่ไม่รู้กฎหมายและสงสารน้องชายที่กำลังเรียนไม่อยากให้มีคดีติดตัว จึงอ้อนวอนขอให้ลดค่าปรับให้แก๊งดังกล่าวก็บอกว่าอย่างนั้นขอคนละ 20,000 บาท จึงได้ยืมเงินคนในหมู่บ้านมาจ่ายให้ จากพฤติการณ์ของแก๊งดังกล่าวเชื่อว่าน่าจะไม่ถูกต้องและเข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ จึงได้พากันมาแจ้งความให้ตรวจสอบเอาผิดตามกฎหมายและอยากได้เงินคืนด้วย
ด้าน นางมลฤดี บัตรรัมย์ อายุ 37 ปี ผู้เสียหายอีกราย บอกว่า ลูกสาวซึ่งมีลูกน้อยอายุยังไม่ถึงปี อยากจะมีรายได้เลี้ยงลูก ได้โพสต์ขายแก้วเยติหรือแก้วเก็บความเย็นลวดลายต่างๆ แต่ไม่ได้มีสินค้าอยู่ในมือ หากลูกค้าคนไหนสนใจหรือสั่งซื้อจะไปซื้อมาให้อีกทอดหนึ่งโดยรับมาใบละ 105 บาท ขายต่อใบละ 150 บาท พอมีคนแชทมาสั่งว่าต้องการซื้อแก้วเยติ 50 ใบ โดยเจาะจงเอาเป็นลายโดราเอม่อน และวันพีช พอถึงวันนัดส่งสินค้าแก๊งดังกล่าวมาชาร์จจับ บอกว่าขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ลูกสาวตกใจเพราะไม่รู้มาก่อนว่าเป็นสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้ารู้คงไม่สั่งมาขายที่สำคัญไม่ได้ทำเองและไม่มีสินค้าอยู่ในมือ มีลูกค้าสั่งถึงจะไปรับมาขายให้ โดยเรียกเงินค่าปรับไป 100,000 บาท ลูกสาวบอกไม่มีเงินต่อรองอ้อนวอนจนเหลือ 30,000 บาท โอนเข้าบัญชีให้ จากพฤติกรรมของแก๊งดังกล่าวเข้าข่ายล่อลวงให้กระทำผิดแล้วมาชาร์จจับเพื่อต้องการเรียกเงินค่าปรับ จึงได้พาลูกสาวมาแจ้งความให้ตรวจสอบเอาผิดกับแก๊งดังกล่าว
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเรื่องไว้ และจะรวบรวมข้อมูลเสนอรายงานผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนต่อไป