พระนครศรีอยุธยา - ชาวอำเภออุทัยกว่า 200 คน เดินเท้าร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลือดำเนินคดีบ่อขยะในพื้นที่ หลังได้รับผลกระทบเรื่องกลิ่นเหม็น
วันนี้ (4 พ.ย.) ที่วัดโคกช้าง อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชาวอำเภออุทัย กว่า 200 คน จากตำบลเสนา ตำบลอุทัย ตำบลธนู ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ รวมตัวพร้อมป้ายไวนิล คนอุทัยไม่เอาบ่อขยะ เดินเท้ากว่า 500 เมตร เพื่อไปที่สถานีตำรวจภูธรอุทัย อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลือความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนชาวอำเภออุทัย
หลังจากที่ได้รับความเดือดร้อนจากบ่อขยะ ในพื้นที่อำเภออุทัย ที่มีรถบรรทุกขนขยะวิ่งเข้าออกส่งกลิ่นเหม็นกระทบความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามอำนาจหน้าที่ โดยมี พ.ต.อ.สมิทธิ สารอต ผกก.สถานีตำรวจภูธรอุทัย อำเภออุทัย ฝ่ายปกครองอำเภออุทัย เดินทางมารับเรื่องดังกล่าวด้วยตนเอง
นายสมศักดิ์ สันธินาค ประธานเครือข่าย (ทสม.) อาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน กล่าวว่า วันนี้ชาวบ้านออกมาเพราะสาเหตุจากที่ชาวบ้านได้รับผลกระทบกลิ่นเหม็นจากบ่อขยะในพื้นที่อำเภออุทัย ซึ่งทางท้องถิ่น หน่วยงานราชการได้มีการสั่งปิดไปแล้ว แต่ยังมีผู้ประกอบการขนขยะและขยะที่ขนมาเป็นขยะนอกเขตของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชาวบ้านจึงได้รวมตัวมาแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทราบ เพื่อช่วยไปแก้ไขปัญหา และจะติดตามอย่างต่อเนื่องถึงความคืบหน้า
ด้าน นายชำนาญ จันปาน อายุ 56 ปี ชาวบ้านจากหมู่ที่ 1 ตำบลเสนา อำเภออุทัย กล่าวว่า ปัจจุบันขยะกลิ่นเหม็นมากและช่วงเวลาลมหนาวพัดจะพาให้กลิ่นกระจายไปตามตำบลต่างๆ ได้รับผลกระทบกันจำนวนมาก ซึ่งในวันนี้ได้มาแจ้งความดำเนินคดีต่อทางผู้ประกอบการบ่อขยะดังกล่าว เนื่องจากไม่มีการต่อใบอนุญาตการดำเนินกิจการบ่อขยะแล้ว แต่ยังมีรถขยะนำขยะเข้ามาทิ้ง ซึ่งมีการปิดป้ายประกาศไปแล้วแต่ยังนำมาทิ้ง ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน
ขณะที่ พ.ต.อ.สมิทธิ สารอต ผกก.สถานีตำรวจภูธรอุทัย อำเภออุทัย กล่าวว่าชาวบ้านในเขตอำเภออุทัย ไดส่งตัวแทนมาแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ประกอบการรถขนขยะ ที่ฝ่าฝืนคำสั่งประกาศขององค์ปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ได้นำเอาขยะจากนอกพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเข้ามาทิ้ง สร้างความเดือดร้อนในเรื่องสาธารณสุข ทั้งเรื่องของกลิ่น น้ำขยะที่ตกหล่น ซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับเรื่องไว้และจะได้ประสานหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย สามารถแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชนในพื้นที่ต่อไป