อ่างทอง - ชาวบ้านอ่างทองรวมตัวยื่นผู้ตรวจการกระทรวงอุตสาหกรรม หลังได้รับผลกระทบจากโรงงานปล่อยส่งกลิ่น และฝุ่นผงรบกวนนานกว่า 40 ปี หากยังล่าช้าจะไปประท้วงที่กรุงเทพฯ
วันนี้ (3 ส.ค.) ที่บริเวณศาลาอเนกประสงค์ หมู่ที่ 3 ตำบลหัวไผ่ อำเภอเมืองจังหวัดอ่างทอง นายสุทิน คงพระ ตัวแทนชาวบ้านอำเภอป่าโมก และอำเภอเมือง ที่ได้รับผลกระทบจากโรงงานอุตสาหกรรม และตัวแทนชาวบ้านจำนวนกว่า 150 คน เดินทางยื่นหนังสือต่อ นางเบญจมาพร เอกฉัตร์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม
เพื่อให้ทางกระทรวงอุตสาหกรรมเร่งดำเนินการกับโรงงานอุตสาหกรรมทั้ง 2 โรงงานที่ปล่อยมลพิษส่งกลิ่นเหม็นของก๊าซคาร์บอนไดซัลไฟด์ (CS2) และผงกำมะถันที่ลอยไปตามอากาศ ส่งผลทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ
และบ้านเรือนที่อยู่อาศัยได้รับผลกระทบจากผงฝุ่นของคาร์บอน ต้องปิดประตูหน้าต่างทำให้ล้มป่วยกันเป็นจำนวนมาก บางรายถึงขั้นล้มป่วยจนเสียชีวิต ซึ่งชาวบ้านได้ทนทุกข์ทรมานกับโรงงานอุตสาหกรรมทั้ง 2 โรงงานดังกล่าวเป็นเวลามากกว่า 40 ปี
โดยมี นายอำนวย สุวรรณรัตน์ อุตสาหกรรมจังหวัดอ่างทอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารชุดรักษาความสงบที่ 1 เข้าร่วมรับฟังปัญหา และสังเกตการณ์
ด้าน นายสุทิน คงพละ ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า วันนี้ชาวบ้านจากทั้ง 2 อำเภอ ได้แก่ ตำบลจำปาหล่อ ตำบลหัวไผ่ ตำบลโพสะ อำเภอเมือง และตำบลสายทอง ตำบลนรสิงห์ ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อ นางเบญจมาพร ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ทางกระทรวงอุตสาหกรรมเร่งดำเนินการเกี่ยวกับมาตรการเรื่องของกลิ่นและฝุ่นผงที่ลอยอยู่ในอากาศ ทำให้ชาวบ้านในหลายอำเภอได้รับความเดือดร้อน ซึ่งในวันที่ 9 สิงหาคม 2561 ทางผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง ได้สั่งการให้มีการประชุมร่วมกรรมการเบญจภาคีเพื่อที่จะแก้ปัญหา
โดยทางชาวบ้านจะทำการติดตามการดำเนินงานของทางจังหวัด และทางกระทรวงอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากชาวบ้านในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนเป็นระยะเวลากว่า 40 ปี ซึ่งทั้งกลิ่นของก๊าซคาร์บอนไดซัลไฟด์ (CS2) และผงคาร์บอน จะลอยไปตามอากาศตามฤดูกาล ทำให้ในพื้นที่ของทั้ง 2 อำเภอ ได้รับผลกระทบ
ซึ่งชาวบ้านไม่ทราบว่าทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการ หรือมาตรฐานเกี่ยวกับระดับของกลิ่น และฝุ่นผงในบรรยากาศที่จะรองรับเป็นกฎหมายบังคับใช้อย่างไร แต่ที่ชาวบ้านในพื้นที่หลายคนเคยบอกว่าสุนัขยังมี พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ แต่พวกเราประชาชนชาว 2 อำเภอที่ได้รับความเดือดร้อนนานกว่า 40 ปี ยังไม่สามารถที่จะบังคับใช้กฎหมายกับโรงงานอุตสาหกรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนได้อย่างเด็ดขาด
ส่วนทางด้าน นางเบญจมาพร กล่าวว่า ตนเองพร้อมคณะได้ลงพื้นที่มารับฟังปัญหาของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่จริง ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับฟังค่อนข้างชัดเจนว่า ชาวบ้านได้รับผลกระทบจากกลิ่นของโรงงาน ซึ่งทางกระทรวงอุตสาหกรรมมีหน้าที่กำกับดูแลในเรื่องของการสร้างความเดือดร้อนรำคาญ แต่จะต้องมีในเรื่องของตัวบทกฎหมายเป็นตัวตั้ง โดยมลพิษที่เกิดจากโรงงานเป็นกลิ่นของก๊าซคาร์บอนไดซัลไฟด์
ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมยังไม่เคยประกาศค่ามาตรฐานของก๊าซคาร์บอนไดซัลไฟด์เอาไว้เป็นกฎหมาย โดยโรงงานดังกล่าวเป็นโรงงานเพียงโรงงานเดียวในประเทศ ที่มีค่ามาตรฐานกลิ่นเกิน ซึ่งควรจะต้องกำหนดกรอบมาตรฐานขึ้นมาในการกำกับดูแล เพื่อลดปัญหาในด้านความเดือดร้อนรำคาญ ทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้รับเรื่องนี้ไปใช้ในการพิจารณา
โดยปัจจุบัน อยู่ในระหว่างดำเนินการ แต่เนื่องจากมีกฎกระทรวงอยู่ 2 ฉบับ ที่เป็นตัวตั้งต้นในการประกาศค่ามาตรฐานค่าก๊าซคาร์บอนไดซัลไฟด์ ซึ่งไม่ได้อยู่ในกฎกระทรวงทั้ง 2 ฉบับ จึงต้องเริ่มในกระบวนการขอแก้ไขกฎกระทรวงทั้ง 2 ฉบับ ให้สามารถประกาศค่าคาร์บอนไดซัลไฟด์ได้ ซึ่งปัจจุบันนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขกฎกระทรวง
ในขณะเดียวกัน ทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อที่จะมากำหนดค่ามาตรฐานควบคู่ไปกับการแก้ไขกฎกระทรวง เมื่อทำการแก้ไขกฎกระทรวงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ค่ามาตรฐานจะถูกพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมายเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นค่ามาตรฐานตัวนี้จะเป็นค่าที่ทางกระทรวงอุตสาหกรรมจะใช้เป็นค่าในการเฝ้าระวังในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดซัลไฟด์ออกจากโรงงานแห่งนี้
ซึ่งมีโรงงานที่มีอยู่ในประเทศไทยในตอนนี้ที่สร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านมานานกว่า 40 ปี ซึ่งหากมีกฎหมายบังคับใช้ก็จะสามารถใช้กฎหมาย เพื่อทำให้เข้มข้น และเข้มแข็งขึ้นในการควบคุมโรงงานอุตสาหกรรมต่อไป