สุรินทร์ - ตำรวจภาค 2 ประสาน ตม.กาบเชิง และตำรวจเมืองช้าง บ้านเกิด “เสี่ยอ้วน” สังหารโหดสองหนุ่มสาวที่เขาชีจรรย์ เพื่อไล่ล่าและสกัดเส้นทางหลบหนีเผ่นเข้าประเทศเพื่อนบ้าน ล่าสุดตรวจพบสัญญาณมือถือโผล่ในเขตกัมพูชาแล้ว เผยเจอรถเสี่ยอ้วนอีกคันจอดอยู่ในบ้าน อ.บัวเชด คาดใช้หลบหนีต่อจากรถตกถนนที่สระแก้ว
วันนี้ (1 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีสังหารโหด คนร้ายใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. กระหน่ำยิง น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือน้องสปาย อายุ 20 ปี และนายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือน้องฟอส อายุ 21 ปี พนักงานเสิร์ฟร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านอ้อมใหญ่ จ.นครปฐม เสียชีวิตที่ลานจอดรถตรงข้ามพระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตำรวจ สภ.นาจอมเทียน ได้ยื่นศาลออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 3 คน ประกอบด้วย นายปัญญา ยิ่งดัง “เสี่ยอ้วน”, นายจิรศักดิ์ อุนัยบัน และนายสายันต์ หรือยัน ศรีสุข ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และสามารถจับกุมนายสายันต์ หนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุที่คอยรายงานความเคลื่อนไหวผู้ตายให้นายปัญญาเพื่อลงมือก่อเหตุได้แล้ว ขณะที่เสี่ยอ้วนและนายจิรศักดิ์อยู่ระหว่างการหลบหนีและตำรวจติดตามไล่ล่าตัวอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุดที่จังหวัดสุรินทร์ บ้านเกิดของสองผู้ต้องหา คือ นายปัญญา ยิ่งดัง หรือ “เสี่ยอ้วน” กับนายจิรศักดิ์ อุนัยบัน มีภูมิลำเนาอยู่ อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ อำเภอติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยตำรวจภูธรภาค 2 เชื่อว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คนจะเดินทางมายังบ้านเกิดที่ อ.บัวเชด เพื่อหลบหนีข้ามแดนไปยังประเทศกัมพูชา หลังจากเจ้าหน้าที่พบรถยนต์ที่สองผู้ต้องหาใช้ในการหลบหนีเสียหลักตกถนนอยู่ในพื้นที่ จ.สระแก้ว ซึ่งตำรวจเชื่อว่าอาจเป็นการจงใจสร้างเหตุการณ์ให้เกิดขึ้นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าใจผิดว่ายังหลับซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลจากบริเวณที่เกิดเหตุ จึงได้ประสานให้ พ.ต.อ.ชาญชัย เชาวน์เกษม ผู้กำกับการ (ผกก.) ตรวจคนเข้าเมือง จ.สุรินทร์ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 ด่านตรวจคนเข้าเมืองกาบเชิง ได้เพิ่มมาตรการเข้มงวดในการตรวจตราบุคคลต้องสงสัยเดินทางเข้าออกด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สุรินทร์
พ.ต.อ.ชาญชัย เชาวน์เกษม ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมือง จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ได้รับการประสานงาน จากตำรวจภูธรภาค 2 จังหวัดชลบุรี ในการตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย ตามหมายจับของ สภ.นาจอมเทียน จ.ชลบุรี เกี่ยวกับสองผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ยิงสองหนุ่มสาวเสียชีวิตที่ลานจอดรถตรงข้ามพระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกาบเชิง ได้ร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ทหาร ตำรวจ สภ.กาบเชิง และตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกาบเชิงได้ออกสืบสวนสอบสวน ตั้งจุดตรวจเพื่อตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยรถยนต์ ที่ผ่านเข้าและออกด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม อย่างเข้มงวดทุกคัน
นอกจากนั้นยังมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพการผ่านแดน สามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจน เนื่องจากได้รับแจ้งว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คนที่หลบหนีจะเดินทางมายังบ้านเกิดที่ อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ยิ่งต้องเพิ่มการตรวจสอบอย่างเข้มข้น แต่ยังไม่พบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 รายผ่านเข้ามายังด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บัวเชด ว่าได้เข้าทำการตรวจสอบที่บ้านตาปัน หมู่ที่ 2 ต.สำเภาลูน อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ บ้านเกิดของเสี่ยอ้วน กับน้องชายนายปัญญา อุนัยบัน พบว่ามีรถยนต์ ฮอนด้า รุ่นซีอาร์วี สีขาว หมายเลขทะเบียน กล 9444 ภูเก็ต จอดอยู่ภายในบริเวณบ้าน และพบกับน้องชาย อีกคนหนึ่งของเสี่ยอ้วน ตาหน้าคล้ายเสี่ยอ้วนอยู่ในบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บัวเชด ได้ควบคุมตัวน้องชายเสี่ยอ้วนและสอบถามถึงรถยนต์ฮอนด้า รุ่นซีอาร์วี สีขาว ทะเบียน กล 9444 ภูเก็ต ของเสี่ยอ้วน ที่นำมาจอดไว้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร พร้อมประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์เข้ามาตรวจสอบพิสูจน์ลายนิ้วมือแฝงและหลักฐานต่างๆ ภายในรถเพื่อประกอบสำนวนคดี ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นรถยนต์คันที่ไปรับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ออกมาจากจุดรถยนต์ที่สองผู้ต้องหาใช้หลบหนีเสียหลักตกถนนในพื้นที่ จ.สระแก้ว
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากตำรวจในพื้นที่แจ้งว่า คาดว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย สองพี่น้องน่าจะหลบหนีออกนอกประเทศไทยในเข้าไปในเขตประเทศกัมพูชาแล้วตั้งแต่ก่อนสว่าง เมื่อเช้านี้ (1 ส.ค.) เพราะทั้ง 2 คน สามารถรู้ช่องทางหลบหนีข้ามแดนตามป่าเส้นทางธรรมชาติเป็นอย่างดี เพราะเกิดและเติบโตเป็นเด็กทำมาหากินอยู่ตามแนวชายไทย-กัมพูชามาก่อน และสามารถพูดสื่อสารเป็นภาษาเขมรกับชาวกัมพูชาได้เป็นอย่างดี
ขณะที่การตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์ ล่าสุดพบมีสัญญาณตอบรับ สถานีเบสหรือสถานีฐานอยู่ในเขต จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา