ศูนย์ข่าวภูเก็ต -บ้านเสี่ยอ้วนที่ภูเก็ตปิดเงียบ ไร้เงากลับเข้าพื้นที่ หลังถูกออกหมายจับ ข้อหาจ้างวานฆ่า 2 คู่รักวัยรุ่น
จากกรณีเกิดเหตุการณ์คนร้ายขับรถเก๋งสีขาว ไม่ทราบทะเบียน มาดักซุ่มยิงคู่รัก น.ส.ปวีณา หรือสปาย นาเมืองรักษ์ อายุ 20 ปี และนายอนันตชัย หรือฟอส จริตรัมย์ อายุ 21 ปี จนเสียชีวิตทั้งคู่ บริเวณลานจอดรถถนนฝั่งตรงข้ามหน้าพระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ หมู่ 6 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อช่วงเวลา 16.20 น. ของวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา
ซึ่งจากการสอบสวนพบว่า มีความเชื่อมโยงกับเสี่ยคนดัง เจ้าของบาร์ที่หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ศาลได้อนุมัติออกหมายจับแล้ว 3 ราย โดยหนึ่งในนั้นคือ เสี่ยอ้วน เจ้าของบาร์ในภูเก็ต ในฐานะผู้จ้างวานสังหาร น้องสปาย และฟอส รวมถึงมือปืน และคนชี้เป้า
เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนของตำรวจจังหวัดภูเก็ต ได้มอบหมายให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดภูเก็ต และชุดสืบสวน สภ.ป่าตอง ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว ซึ่งจากการตรวจสอบในเบื้องต้นไม่พบว่า นายอ้วน อยู่ในภูเก็ต ส่วนบ้านทั้ง 2 หลัง ที่ถนนพระเมตตา และ มู่บ้านเบญจมาศ ซอยแสนสบาย ทั้ง 2 หลัง
เบื้องต้น พบว่าบ้านปิดเงียบ โดยเสี่ยอ้วน เป็นคนชอบพกพาอาวุธปืน ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 พ.ย.60 ก่อเหตุยิง นายอำพัน สุขสวัสดิ์ อายุ 47 ปี เสียชีวิต ที่บริเวณหอพักพนักงานบาร์ปุ้มปุ้ย และมีการต่อสู้คดีกันมาอย่างต่อเนื่องจนล่าสุดพบคดีนี้อัยการสั่งไม่ฟ้อง
เปิดประวัติเสี่ยอ้วน
สำหรับเสี่ยอ้วน เดิมเป็นคนจังหวัดสุรินทร์ ไปรับจ้างทำงานกลางคืนอยู่ในพัทยา จ.ชลบุรี หลังจากนั้นประมาณปี 2541 ได้ย้ายมาประกอบอาชีพอยู่ในพื้นที่ตำบลป่าตอง โดยยึดอาชีพเป็นเด็กนวดในห้องน้ำที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในพื้นที่ป่าตอง รายได้คืนละประมาณ 30,000 บาท
เสี่ยอ้วน เป็นคนเก็บหอมรอมริบ จนมีเงินก้อนหนึ่ง แล้วเข้าไปรับประมูลนวดแขกนักเที่ยวตามสถานบันเทิงหลายแห่งในป่าตอง มีลูกน้องจำนวนมาก
เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อตึก อาคารพาณิชย์ ในพื้นที่ตำบลป่าตอง เพื่อเก็งกำไร ขายได้เงินมาจนมีฐานะร่ำรวย เปลี่ยนจากเด็กนวดในห้องน้ำ พลิกผันตัวเองมาเป็นเจ้าของสถานบันเทิงในซอยตัน ต.ป่าตอง ทำได้ประมาณ 1 ปี ก็ได้ขายธุรกิจให้นักลงทุนต่างชาติ
จากนั้นเสี่ยอ้วน ได้มาทำธุรกิจบาร์เบียร์ในซอยบางลา ต.ป่าตอง มีลูกน้องจำนวนมาก มีฐานะร่ำรวยจนซื้อบ้าน และไปทำธุรกิจสถานบันเทิงที่ย่านบางลา ในซอยอี่ซี่ หรือซอยปุ้มปุ้ย จนถึงปัจจุบัน