พิจิตร - พบเกษตรกรพิจิตรบอกลาการทำนาที่ทำมาทั้งชีวิต ปลูกเมลอน 2 ไร่ 8 โรงเรือน เก็บผลผลิตส่งขาย 3 ช่องทาง ได้เงินเกือบแสนทุก 20 วัน
นายธรรมนูญ แจ่มศรี เกษตรและสหกรณ์จังหวัดพิจิตร และนายทินกร รัตนพัวพันธ์ ผอ.โครงการชลประทานพิจิตร ลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้าการส่งเสริมเกษตรกรพิจิตรลดพื้นที่การทำนา หันมาปลูกพืชใช้น้ำน้อยและหลากหลายทดแทน ซึ่งพบชาวนา ต.เนินปอ ที่เคยทำนามาทั้งชีวิตหันมาปลูกเมลอนส่งขายได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ
นายสมศักดิ์ บางแดง อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 7 บ้านมาบแฟ่บ ต.เนินปอ อ.สามง่าม จ.พิจิตร เล่าให้ฟังว่า ที่บ้านมีนาอยู่ 20 ไร่ ชีวิตเติบโตมากับท้องไร่ท้องนามาตลอดซึ่งก็มีแต่หนี้สิน ราคาข้าวก็ตกต่ำ เคยคิดจะเลิกทำนาหลายสิบครั้ง แต่ด้วยความที่ไม่มีความรู้จึงไม่รู้ว่าถ้าเลิกทำนาแล้วจะไปทำมาหากินอะไร
จนกระทั่งปี 2558 ลูกเขยและลูกสาวที่ทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ มีความรู้เรื่องการค้าพืชผักและผลไม้ มาบอกว่าอยากให้พ่อเลิกทำนาแล้วหันมาปลูกเมลอน เพราะในกรุงเทพฯ ขายอยู่ลูกละเกือบ 200-300 บาท ถ้าเราปลูกได้ก็มีตลาดรับซื้อแน่นอน
ลุงสมศักดิ์บอกว่า หลังจากนั้นก็หาความรู้ โดยมีลูกสาวและลูกเขยช่วยหาข้อมูลมาบอกให้ ก่อนลงมือทดลองปลูกแคนตาลูป หรือเมลอนสายพันธุ์หนึ่ง ในนา 2 ไร่ ให้น้ำแบบหยด โดยใช้น้ำจากในบ่อเลี้ยงปลาที่มีพื้นที่ประมาณ 2 งาน แม้ปีแรกผลผลิตจะเสียหายไป 1 ไร่ แต่ที่เหลืออีก 1 ไร่ ก็ขายได้แบบไม่ขาดทุน มีรายได้หลายหมื่นบาท
หลังจากนั้นก็ขยับขยายสร้างโรงเรือนหลังแรก เพื่อปลูกเมลอนในโรงเรือนขนาดกว้าง 6 x 36 เมตร ลงทุน 120,000 บาท ปลูกเมลอนได้ 750 ต้นใช้เวลา 90 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตขายได้ในราคากิโลกรัมละ 70 บาท ใช้แรงงานคนในครอบครัวเพียงแค่ 3-4 คนเท่านั้น
“การปลูกเมลอนในโรงเรือน 1 หลัง ลงทุนค่าเมล็ดพันธุ์เมลอนบวกกับค่าปุ๋ย ค่ายา ก็ประมาณ 5,000 บาท ถ้าคิดค่าแรงคนในครอบครัวใส่เข้าไปด้วยอีก 10,000 บาท ก็คิดเสียว่าลงทุนประมาณ 15,000 บาท 90 วันตัดขาย 1 ครั้ง ได้ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 600-700 ผล แต่ละผลน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 2 กิโลกรัม ขายส่งกิโลกรัมละ 70 บาท ก็ได้เงินเกือบแสนแล้ว”
ลุงสมศักดิ์เล่าต่ออีกว่า หลังจากมีประสบการณ์ มองเห็นช่องทางตลาดที่มั่นคง จึงตัดสินใจเลิกทำนาอย่างเด็ดขาด โดยกันพื้นที่ไว้แค่เพียง 2 ไร่ กับบ่อน้ำขนาด 2 งาน อีก 1 บ่อเท่านั้น ผืนนาที่มีก็ให้คนอื่นเช่า จากนั้นก็หาแหล่งเงินทุนแล้วสร้างขยายโรงเรือน ซึ่งทุกกวันนี้ปลูกเมล่อนในโรงเรือนรวมแล้ว 8 โรงเรือน สามารถเก็บผลผลิตหมุนเวียนป้อนสู่ตลาดได้ทุกๆ 20 วัน ซึ่งในการเก็บผลผลิตขายแต่ละครั้วก็จะได้เงินเกือบแสนบาท
สำหรับตลาดที่ขายผลผลิตนั้นมี 3 ช่องทาง คือ ช่องทางที่ 1 ลูกสาวและลูกเขยที่อยู่ในกรุงเทพฯ ประสานงานติดต่อขายผ่านบริษัทตัวแทนที่รับซื้อผลผลิตป้อนเข้าห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในกรุงเทพฯ ซึ่งรับซื้ออย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา แต่ผลผลิตต้องได้มาตรฐานตามที่ผู้ซื้อกำหนด, ช่องทางที่ 2 นำผลผลิตมาขายด้วยตนเองที่ตลาดนัดเกษตรกรหน้าสำนักงานเกษตรจังหวัดพิจิตร ทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี และช่องทางที่ 3 คือ นำไปจำหน่ายที่ห้างทอปส์พลาซ่า พิจิตร
ลุงสมศักดิ์ยืนยันว่า ในอดีตทำนามีแต่หนี้สิน ทุกวันนี้ลืมตาอ้าปากได้ก็เพราะเลิกทำนาแล้วหันมาปลูกเมล่อน เพราะเมล่อน 1 โรงเรือน ดีกว่าทำนา 10 ไร่เห็นๆ ซึ่งแนวทางนี้เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่น่าสนใจ หากท่านใดต้องการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ก็สามารถติดต่อมาได้ที่เบอร์โทร. 08-9641-5176 หรือเบอร์นายราม ลูกเขย หมายเลข 08-1279-4242 โดยจะแลกเปลี่ยนกันไม่หวงวิชาแน่นอน