แม่ “โอปอ” ผู้ต้องหาค้ายาบ้าล่องหนบุกร้องผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ หวั่นไม่ปลอดภัย

กาฬสินธุ์ - ญาติและแม่ น.ส.ประภาพรรณ หรือโอปอ ภูอุทา บุกพบผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ ร้องขอความเป็นธรรม หลังลูกสาวเข้ามอบตัวต่อผู้ว่าฯ และร้องศูนย์ดำรงธรรมแฉตำรวจเอี่ยวยาบ้า แต่กลับหายปริศนา ยันครอบครัวไม่ได้พาหนี หวั่นจะไม่ปลอดภัย

กรณี น.ส.ประภาพรรณ หรือโอปอ ภูอุทา อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมหาสารคาม คดีค้ายาบ้า 4,000 เม็ด และเป็นผู้เสียหายในคดีเรียกค่าไถ่ ถูกคนร้าย 5 คนกระชากหัวอุ้มขึ้นรถ เหตุเกิดหน้าจวนผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 61 แต่ภายหลังที่ น.ส.ประภาเข้าพบผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ พร้อมนำเอกสารหลักฐานที่ระบุว่ามีเจ้าหน้าที่เอี่ยวยาเสพติดไปมอบให้ที่ศูนย์ดำรงธรรมกาฬสินธุ์และรายชื่อให้แก่ศูนย์ดำรงธรรมกาฬสินธุ์ แต่หลังจากให้ข้อมูลดังกล่าว น.ส.ประภาพรรณ ผู้ต้องหา กลับล่องหนหายตัวไปอย่างลึกลับ และทราบว่านายอดิศร ภูอุทา น้องชายได้แอบเข้ามาพาหลบหนีไป ตามที่เสนอข่าว

ล่าสุดวันนี้ (23 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การติดตามหาตัวของ น.ส.ประภาพรรณ ผู้ต้องหาหนีจากการควบคุมตัวของตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ขณะจะนำส่งดำเนินคดีในข้อหาค้ายาบ้า 4,000 เม็ด ตามหมายจับศาลจังหวัดมหาสารคาม แต่ได้หลบหนีจากการช่วยเหลือของนายอดิศร ภูอุทา น้องชายแท้ๆ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 61 ที่ผ่านมา พ.ต.อ.รัชพล เสริมศรัณย์ ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้เบาะแสการเคลื่อนไหวของ น.ส.ประภาพรรณ คาดว่าจะไปหลบซ่อนตัวใน 3 จังหวัด คือ ที่ จ.นครพนม อุดรธานี และหนองคาย ทั้งนี้ เชื่อว่ามีญาติพาหลบหนี จึงขอให้ญาติซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อไว้ได้ออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ หากเชื่อว่า น.ส.ประภาพรรณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ขอให้นำตัวมาต่อสู้คดี

นอกจากนี้ ตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ได้ประสานไปยังตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และได้ส่งหมายจับกุมเพื่อป้องกันการหลบหนีออกนอก นับเป็นวันที่ 5 ที่ผู้ต้องหาหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ปูพรมสืบหาตัวอย่างต่อเนื่องทุกพื้นที่ที่คาดว่าจะหลบหนีไปซ่อนตัว หากครบกำหนด 7 วัน ตำรวจยังหาตัว น.ส.ประภาพรรณไม่พบ ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการหลบหนีจะต้องถูกย้ายทั้งชุด ขณะนี้อยู่ระหว่างการตั้งกรรมการสอบสวน และหากใครผิดก็ว่ากันไปตามกระบวนการ

ต่อมาเวลา 14.30 น. วันเดียวกันนี้ มีรายงานว่าที่ห้องทำงานชั้น 2 ของผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ นางกันยารัตน์ ภูอุทา อายุ 44 ปี แม่ของ น.ส.ประภาพรรณ และนายคมกฤษณ์ สิทธิจินดา อายุ 51 ปี เป็นลุง และนายอดิศร ภูอุทา น้องชายที่มีข่าวว่าพา น.ส.ประภาพรรณ หลบหนี ได้เข้าพบนายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ เพื่ออธิบายเรื่องราวและร้องขอความเป็นธรรม หลังจากที่ลูกสาวได้หลบหนีการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ หลังจากนั้นได้พาทั้งหมดลงไปที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อเปิดโอกาสให้ข้อมูลและเรื่องราวร้องทุกข์ ทั้งนี้การให้ปากคำไม่อนุญาตให้สื่อเข้ารับฟัง

นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าฯกาฬสินธุ์ กล่าวว่า แม่ของ น.ส.ประภาพรรณ ได้ติดต่อมาเพื่อของอธิบายถึงเรื่องราว ซึ่งก็เป็นสิทธิและตนก็รับฟัง แต่อย่าลืมว่า น.ส.ประภาพรรณ นอกจากเป็นผู้เสียหายในคดีเรียกค่าไถ่ ในเวลาไล่เลี่ยกันก็เป็นผู้ต้องหาคดีค้ายาบ้า ตามหมายจับของศาลจังหวัดมหาสารคาม สิ่งสำคัญขณะนี้ น.ส.ประภาพรรณ ควรที่จะออกมามอบตัวเพื่อต่อสู้คดี

“โดยกรณี น.ส.ประภาพรรณ ต้องแยกออกเป็น 2 ประเด็น คือ 1. การเป็นผู้เสียหายในคดีเรียกค่าไถ่ ซึ่งถูกชายฉกรรจ์ 5 คนทำร้ายและเรียกค่าไถ่ กรณีนี้เป็นเรื่องของตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ที่จะต้องสืบสวนหาข้อเท็จจริงว่าเป็นเรื่องใดกันแน่ 2. การตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมหาสารคามในคดีค้ายาบ้า 4,000 เม็ด ซึ่งในแนวทางการสอบสวนหรือดำเนินคดี ผู้ต้องหา สามารถที่จะพูดจริงหรือเท็จได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน” นายไกรสรกล่าว

นายไกรสรกล่าวว่า ตนเชื่อในกระบวนการยุติธรรมเป็นหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ซึ่งในส่วนที่มีการร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรม ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ น.ส.ประภาพรรณ ที่เคยมาร้องไว้เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมนั้น รวมถึง วันนี้ที่เป็นญาติของ น.ส.ประภาพรรณ ตนก็จะดำเนินการตามขั้นตอนตามระเบียบต่อไป

ด้านนายคำกฤษณ์ สิทธิจินดา อายุ 51 ปี ลุงของ น.ส.ประภาพรรณ กล่าวว่า มีความเป็นห่วงหลานและยืนยันว่าญาติไม่ได้พาหลบหนี แต่การหลบหนีนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ขณะนี้ครอบครัวรู้สึกเป็นห่วงหลาน หวั่นว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย และเชื่อว่าเรื่องนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยุ่งเกี่ยวแน่นอน

ทั้งนี้ มีรายงานว่าการเข้าร้องเรียนยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่ได้ทำการบันทึกถ้อยคำอย่างละเอียด โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนที่จะเดินทางแยกย้ายกันออกไป