เชียงราย - ชาวนาแม่สายยิ้มรับข่าวดี 13 หมูป่าพ้นถ้ำหลวงปลอดภัยทุกชีวิต บอกแม้ถูกน้ำจากถ้ำเอ่อท่วมผืนนาถึง 2 รอบแต่คุ้ม หลายรายแจ้งความจำนงไม่รับเงินชดเชย
กรณีศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้สูบ-ผันน้ำทั้งในและรอบๆ ถ้ำหลวงออกมาอย่างต่อเนื่องตลอดปฏิบัติการช่วย 13 หมูป่าอะคาเดมีแม่สายที่ติดอยู่ในถ้ำตั้งแต่ 23 มิ.ย.จนนำตัวออกมาได้อย่างปลอดภัยทั้งหมดเมื่อค่ำวานนี้ (10 ก.ค.) ทำให้ทุ่งนาเขตหมู่บ้านสันปูเลย ต.บ้านด้าย อ.แม่สาย มีน้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้าง
แต่ชาวนาส่วนใหญ่กลับไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจ เนื่องจากเข้าใจในปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ โดยนางลัดดา นันทะลา ผู้ใหญ่บ้านสันปูเลย ซึ่งได้ออกสำรวจความเสียหายของไร่นาชาวบ้านพบว่ามีนาข้าวได้รับความเสียหายจากปฏิบัติการครั้งนี้ประมาณ 480 ไร่ และได้แจ้งว่าทางราชการจะให้การช่วยเหลือชดเชยตามระเบียบต่อไปแล้ว
ด้านนายอินจันทร์ จันทาพูน อายุ 58 ปี ชาวบ้านสันปูเลย กล่าวว่า ตนทำนาข้าวหอมมะลิประมาณ 16 ไร่ เริ่มหว่านครั้งแรกก่อนวันที่ 23 มิ.ย.ซึ่งเป็นวันที่เด็กๆ ติดถ้ำ ต่อมามีการสูบน้ำออกจากถ้ำ ทำให้ลำน้ำจ้อง ซึ่งไหลหล่อเลี้ยงไร่นาชาวบ้านเอ่อล้นเข้าท่วมนาของตนจนท่วมมิดหมด และมีชาวบ้านอีกจำนวนมากที่ตกในสถานะเดียวกัน พอน้ำได้แห้งลง พวกเราก็คิดว่าจะไม่มีน้ำจากถ้ำหลวงมาท่วมอีกแล้ว จึงได้นำเมล็ดพันธุ์ไปหว่านรอบที่ 2 อีกครั้งในวันที่ 8 ก.ค. แต่ปรากฏว่าเพียงไม่กี่ชั่วโมงน้ำก็เข้าท่วมจนมิดอีกครั้ง หลังจากมีการนำเครื่องสูบขนาดใหญ่มาสนับสนุนการสูบน้ำอีก
นายอินจันทร์กล่าวอีกว่า จนถึงตอนนี้น้ำยังคงท่วม แต่พวกเราก็เข้าใจในการช่วยเหลือชีวิตเด็กๆ และคิดว่าความสูญเสียที่พวกเราได้รับถือว่าคุ้มค่าหากแลกกับชีวิตของลูกหลานทั้ง 13 คนที่ต้องไปติดอยู่ในถ้ำนานหลายวัน และยิ่งพวกเขาได้รับการช่วยเหลือให้ออกมาได้ทั้งหมดก็เป็นเรื่องที่ดีมากและพวกเราก็จะดีใจด้วย
ขณะนี้มีชาวบ้านอยู่ 2-3 รายที่แจ้งเจตจำนงจะไม่ขอรับการช่วยเหลือค่าชดเชยกรณีน้ำท่วมครั้งนี้จากทางราชการด้วยเพราะคิดว่าสามารถนำไปช่วยเหลือส่วนรวมด้านอื่นมากกว่า นอกจากนี้ สิ่งที่ทุกคนคิดเหมือนกันคือ เพื่อช่วยเหลือทั้ง 13 ชีวิตให้พ้นจากทุกข์ภัยดังกล่าวนั่นเอง
“ความเสียหายที่ผมได้รับคือพันธุ์ข้าวที่หว่านครั้งละประมาณ 10,000 กว่าบาท น้ำท่วม 2 รอบก็เสียหายไป 20,000-30,000 บาท แต่ความสูญเสียนี้เทียบไม่ได้กับสิ่งที่เด็กๆ ต้องไปติดอยู่ในถ้ำ และเมื่อรอดพ้นออกมาได้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้น และดีใจกับพ่อแม่ของพวกเขาด้วย”
นายอินทร์กล่าวอีกว่า หลังจากเด็กทั้งหมดได้รับการช่วยเหลือออกจากถ้ำแล้ว คาดว่าน้ำจะแห้งลง ตนก็มีพันธุ์ข้าวเตรียมพร้อมอยู่แล้ว และจะรีบนำมาหว่านทันที เพราะหากพ้นวันที่ 20 ส.ค.ไปแล้วจะเข้าสู่ฤดูหนาว ไม่สามารถปลูกข้าวนาปรังในปีนี้ได้อีกเพราะดิน-น้ำเย็นลง