ศูนย์ข่าวศรีราชา- การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “บางแสน กรังด์ปรีซ์”ครั้งที่ 12 พร้อมระเบิดความมันส์ 11-15 ก.ค.นี้ โดยมีรถแข่งกว่า 250 คัน และนักแข่งจาก 26 ชาติ รวมกว่า 300 คน เข้าร่วม
วันนี้ (25 มิ.ย.) นายภวัต เลิศมุกดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย นายสนธยา คุณปลื้ม นายกสมาคมกีฬาจังหวัดชลบุรี ,นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข และ พ.ต.อ.สีห์ศักดิ์ สร้อยศรี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้ร่วมแถลงข่าวที่ห้องแปซิฟิค1-2 โรงแรมเดอะไทด์รีสอร์ท บางแสน จ.ชลบุรี เกี่ยวกับการจัดการแข่งรถรถยนต์ทางเรียบ บางแสน กรังด์ปรีซ์ หรือ ไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรีส์ บนสนามบางแสน สตรีท เซอร์กิต ที่ปิดถนนเลียบชายหาด ปีที่ 12 ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 11-15 ก.ค.นี้ โดยมีนักแข่งรถยนต์ รวมถึงผู้ที่ชื่นชอบการแข่งขันรถยนต์ เข้าร่วม
นายสนธยา กล่าวในฐานะประธานจัดการแข่งขันรถรถยนต์ทางเรียบ บางแสน กรังด์ปรีซ์ 2018 ว่าการแข่งขันดังกล่าวจะมีทั้งสิ้น 13 รายการ ตั้งแต่ระดับอีโคคาร์ ไปจนถึงระดับจีที-3 และจะมีรถซูเปอร์คาร์ชั้นยอดของโลกร่วมประชันความเร็วกันเต็มพิกัด ทั้งเบนท์ลีย์, แลมโบกินี, เฟอร์รารี่, ปอร์เช่, แมคลาเรน และออดี้ เป็นต้น
โดยจะมีรถแข่งกว่า 250 คัน และนักแข่งจาก 26 ชาติ รวมกว่า 300 คน เข้าร่วมประลองความเร็วบนถนนเลียบชายหาดบางแสน ผ่าน 20 โค้ง เป็นระยะทางรวม 3.74 กิโลเมตร และเป็นสนามเลียบชายหาดที่สวยที่สุดในโลก
สำหรับนักแข่งไทยที่จะเข้าร่วม ประกอบด้วย สุทธิพงศ์ สมิตชาติ, วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี, วุฒิกร อินทรภูวศักดิ์, ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ, ณัฐพงษ์ ห่อทองคำ, ติณห์ ศรีตรัย และกันตธีร์ กุศิริ ร่วมประชันฝีมือกับนักแข่งระดับโลกที่เข้าร่วมแข่งขันในครั้งนี้ ซึ่งผู้สนใจสามารถเข้าชมแบบชิดติดขอบสนามได้ฟรี
“การแข่งขันบางแสน กรังด์ปรีซ์ ครั้งที่ 12 จะเป็นการตอกย้ำความพร้อมในการเป็น ”เมืองกีฬาระดับนานาชาติ” หรือ “International Sport City” ของ จ.ชลบุรี ซึ่งจะช่วยยกระดับกีฬาของไทยโดยเฉพาะกีฬามอเตอร์สปอร์ตให้ขึ้นสู่ระดับนานาชาติและมีมาตรฐานที่สูงต่อไป และคาดว่าจะมีผู้ติดตามชมการแข่งขันไม่น้อยกว่า 3 แสนคน และยังคาดว่าจะมีผู้ติดตามชมการแข่งขันผ่านการถ่ายทอดสดจากทีวีทีวีต่างๆ หรือรับชมผ่านเว็บไซต์ และ Facebook ไม่น้อยกว่า 3 ล้านคนทั่วโลก”นายสนธยา กล่าว
ด้าน นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแสนสุข กล่าวว่า “บางแสน กรังด์ปรีซ์ 2018” จะช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นเมืองท่องเที่ยวและกีฬาระดับนานาชาติให้ชัดเจนยิ่งขึ้น และคาดจะมีเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 1 พันล้านบาทอย่างแน่นอน