พระนครศรีราอยุธยา - ระทึก! หนุ่มซิ่งเก๋งเสยท้ายกระบะป้ายแดงกลางถนนสายเอเซีย ช่วงอำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไฟลุกท่วม คนขับหนีตายเอาชีวิตรอดหวุดหวิด
เย็นวันนี้ (23 มิ.ย.)เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบางปะหัน รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถเก๋งพุ่งชนท้ายรถกระบะ จนเกิดเพลิงรุกไหม้ บนถนนสายเอเชียขาออก ตำบลขวัญเมือง อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใกล้เคียงสะพานต่างระดับจึงไปตรวจสอบ พร้อมประสานรถดับเพลิงในพื้นที่และกำลังอาสาสมัครกู้ภัยอยุธยารวมใจเร่งให้การช่วยเหลือ
ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ แอททราจ สีขาว หมายเลขทะเบียน กบ 6033 พระนครศรีอยุธยา ด้านหน้าเพลิงรุกไหม้อย่างรุนแรง เพลิงรุกไหม้จากห้องเครื่องไปจนถึงภายในรถ เจ้าหน้าที่ต้องทำการปิดถนนหวั่นจะเกิดการระเบิด เมื่อรถดับเพลิงมาถึงได้เร่งฉีดดับเพลิงไม่ให้รุกรามไปถึงถังน้ำมันด้านหลัง ใช้เวลาประมาณ 10 นาที สามารถควบคุมเพลิงจนสงบ
จากการตรวจพบว่าเพลิงได้รุกไหม้เสียหายทั้งคัน ทราบชื่อคนขับรถเก๋งคันดังกล่าวชื่อนายนพรัตน์ จิตสำราญ อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 2 หมู่ 3 ตำบลศรีพราน อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง ห่างไปประมาณ 20 เมตร พบรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ก – 4578 นครสวรรค์ ภาพด้านท้ายถูกชนได้รับความเสียหาย
สอบถามนายนพรัตน์ จิตสำราญ อายุ 23 ปี เจ้าของรถยนต์เก๋งที่ถูกเพลิงไหม้ เล่าว่าตนเองหลับใน เนื่องจากตนเองไปงานเลี้ยงและส่งเพื่อนที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตอนเกิดเหตุตนกำลังขับรถกลับบ้านที่ อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง พอมาถึงจุดเกิดเหตุจำอะไรไม่ได้มารู้สึกตัวตอนจนเข้ากับกระบะคันหน้าและรถก็มีควันออกมา ตนเองจึงเอาตัวรอดหนีลงมาจากรถที่ถูกเพลิงไหม้คันดังกล่าว
ด้านนายนิมิต ทำบุญ อายุ 31 ปี บ้านเลขที่ 48 หมู่ 3 ตำบลบางตาหงาย อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ คนขับรถยนต์กระบะป้ายแดง เล่าว่าตนไปรับของจากสมุทรสาครเพื่อจะไปขายที่ จังหวัดนครสวรรค์บ้านตนเอง พอมาขับมาถึงจุดเกิดเหตุได้ยินเสียงดังท้ายรถ นึกว่ายางรถตนเองระเบิด พอมองกระจกหลังเห็นรถเก๋งคันดังกล่าวชนท้ายและมีเพลิงรุกไหม้ขึ้นมาตนและครอบครัว จึงหนีออกจากมาอยู่ข้างทางเพื่อความปลอดภัย
ทั้งนี้ตนเองพึ่งออกรถมาเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ผ่านมาเพื่อจะเอาไว้ทำมาหากินแต่ก็ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ เล่าด้วยสีหน้าโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบางปะหัน จะทำการสอบสวนผู้ขับขี่ทั้ง 2 คันอย่างละเอียดอีกครั้งรวมถึงตรวจสารมืนเมาในร่างกายคนขับรถอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง โชคดีเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีใครเสียชีวิต