ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - คืบหน้ากรณีโรงเรียนอนุบาลที่เชียงใหม่ ถูกแชร์ในสื่อออนไลน์กล่าวหาว่าครูใช้ความรุนแรงต่อเด็ก ล่าสุดพบเจอตัวมือโพสต์และให้นำตัวลูกไปตรวจร่างกายที่ รพ.ไม่พบความผิดปกติ สอดคล้องหลักฐานภาพวงจรปิด จึงพูดคุยทำความเข้าใจกันได้
ความคืบหน้ากรณีโซเชียลมีเดียแชร์เรื่องราวและภาพ ระบุว่าครูโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในอำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ มีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงต่อเด็ก ต่อมาทางโรงเรียนได้มีการชี้แจงข้อเท็จจริง และนำหลักฐานเป็นภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิดยืนยันความบริสุทธิ์ว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว รวมทั้งทำความเข้าใจกับพ่อแม่เด็กที่ปรากฏอยู่ในภาพที่มีการนำไปเผยแพร่ว่าเหตุการณ์ดูรุนแรงเกินจริงเพราะนำภาพนิ่งไปใช้ ขณะที่จากการตรวจสอบพบว่าผู้ที่นำเรื่องราวและภาพไปโพสต์นั้นไม่ได้เป็นผู้ปกครองของเด็กที่ถูกครูดึงแขนให้ลุกจากที่นอนมาเข้าร่วมกิจกรรมในชั้นเรียน แต่อ้างว่าลูกถูกครูใช้ความรุนแรงจนได้รับบาดเจ็บ
ล่าสุดวันนี้ (22 มิ.ย. 61) น.ส.พยอม ไชยชมภูเลิศ รองผู้อำนวยการโรงเรียน และหัวหน้าฝ่ายวิชาการ โรงเรียนอนุบาลพัฒนชัย เปิดเผยว่า ช่วงค่ำวานนี้ (21 มิ.ย.) สามารถติดต่อกับผู้ที่นำเรื่องราวและภาพไปโพสต์ในโซเชียลมีเดียได้แล้ว โดยทางโรงเรียนยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์ครูใช้ความรุนแรงต่อเด็ก รวมทั้งลูกชายอายุ 2 ขวบของผู้โพสต์ด้วย นอกจากมีภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานแล้วยังได้ตกลงกับผู้โพสต์ที่เป็นแม่ของเด็กที่อ้างว่าลูกได้รับบาดเจ็บ นำตัวเด็กไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล โดยที่ผลการตรวจออกมาชัดเจนว่าเด็กมีรอยแผลถลอกเล็กน้อย แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดจากอะไร จึงได้พูดคุยกับแม่ของเด็กที่เป็นผู้โพสต์จนเป็นที่เข้าใจกันดีแล้วว่าไม่ติดใจสงสัยใดๆ
อย่างไรก็ตาม ต่อมาพบว่ายังมีการโพสต์ในเชิงทำให้เกิดความใจผิดว่าทางโรงเรียนยอมรับผิดและมีการจ่ายค่าเสียหายให้ ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะโรงเรียนเพียงออกค่าใช้จ่ายในการตรวจร่างกายให้เท่านั้น เนื่องจากต้องการจะทำให้เกิดความชัดเจนและยืนยันความบริสุทธิ์ของโรงเรียน เช้าวันนี้ (22 มิ.ย.) ได้เชิญตัวแม่ของเด็กที่เป็นผู้โพสต์เรื่องราวมาพบพูดคุยทำความเข้าใจกันอีกครั้งที่โรงเรียนแล้ว มีการทำความเข้าใจกันเป็นอย่างดี โดยผู้โพสต์ตกลงว่าจะลบโพสต์ทั้งหมดออก รวมทั้งมีการทำบันทึกการพูดคุยทำความเข้าใจกันไว้เป็นลายลักษณ์อักษรด้วยเพื่อเป็นหลักฐาน
ทั้งนี้ ทางโรงเรียนคงจะไม่มีการดำเนินการตามกฎหมายใดๆ ต่อผู้โพสต์ แม้ว่าจะทำให้โรงเรียนถูกเข้าใจผิดและได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง เนื่องจากทำความเข้าใจกันได้ด้วยดีแล้ว