กาญจนบุรี “ครูปรีชา” ผู้ต้องหาให้การเท็จคดีหวย 30 ล้านอลเวง ย่องเข้าพบศึกษาธฺการจังหวัึดกาญจนบุรี ขอความเป็นธรรมถูกสอบวินัยร้ายแรง อ้างขั้นตอนไม่ถูกต้อง และตนยังไม่ถูกฟ้องคดีอาญา ด้านเลขา คกก.สอบสวนข้อเท็จจริงเผย 4 ก.ค.นี้รู้ผลสอบวินัยร้ายแรงหรือไม่
ความคืบหน้ากรณี นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทพมงคลรังษี คู่กรณีของ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ อดีตข้าราชการเกษียณตำรวจ แย่งชิงกรรมสิทธิ์รางวัลที่ 1 จำนวน 30 ล้านบาท ถูกสั่งให้ไปช่วยราชการที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 8 (จังหวัดราชบุรี-กาญจนบุรี) ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (21 มิ.ย.) ที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี นายปรีชา ใคร่ครวญ ได้เดินทางเข้าพบ นายอนันต์ กัลปะ ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี (ศธจ.กาญจนบุรี) ที่ห้องทำงาน เพื่อร้องขอความเป็นธรรมในกรณีที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง โดยมี นายโชคชัย ฟักโต ผอ.โรงเรียนวัดพระแท่นดงรัง ในฐานะคณะอนุกรรมการศึกษาธิการจังหวัด ฝ่ายกฎหมาย เข้าร่วมรับฟังด้วย ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงแล้วเสร็จ จากนั้น นายปรีชา จึงเดินทางกลับ
พร้อมเผยเพียงสั้นๆ ต่อผู้สื่อข่าวว่า ขอให้ นายอนันต์ กัลปะ เป็นผู้ให้ข่าว ขณะนี้ตนมาปฏิบัติหน้าที่ราชการในโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 8 ที่ศูนย์ประสานงาน ซึ่งตั้งอยู่โรงเรียนกาญจนานุเคราะห์ จังหวัดกาญจนบุรี และไม่ขอพูดอะไรเกี่ยวกับคดีความ เพราะเรื่องอยู่ในกระบวนการศาลแล้ว ส่วนเรื่องการจัดทริปล่องแพกับแฟนคลับที่เคยเป็นข่าว นายปรีชา ก็ไม่ขอเอ่ยถึง
จากนั้น ครูปรีชา ได้เดินทางไปที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อรับฟังคดีหมายเลขดำที่ ลบ.1/61 ที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้นัดพร้อมสอบข้อเท็จจริง ว่านายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เนื่องจาก นายปรีชา ได้ยื่นฟ้องกรณีนายอัจฉริยะ นำคลิปเสียงเกี่ยวกับคดีหวย 30 ล้านบาทไปเผยแพร่
ด้าน นายอนันต์ กัลปะ เปิดเผยว่า ครูปรีชา ได้มาร้องเพื่อขอความเป็นธรรมใน 2 ประเด็นหลักๆ คือ 1.ขั้นตอนอันเป็นสาระสำคัญในกระบวนการดำเนินการทางวินัย ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 8 (สพม..8) ซึ่งเป็นต้นสังกัดนั้น ไม่สมบูรณ์ครบถ้วนตามขั้นตอนของกฎหมายที่จะเสนอให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 ดำเนินการพิจารณาในการออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงได้
2.ในทางคดีของ ครูปรีชา ซึ่งขณะนี้ข้อมูลได้มีการเปลี่ยนแปลง และมีความเคลื่อนไหวของคดีตลอดเวลา โดยครูปรีชา อ้างว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ถูกดำเนินคดีทางอาญา จึงมาร้องทุกข์ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี (กศจ.กาญจนบุรี) และตน ในฐานะเลขา กศจ.กาญจนบุรี เพื่อขอความเป็นธรรมในเรื่องของการถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง
โดยในระหว่างนี้ ทางศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี จะรวบรวมข้อมูลให้ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งข้อมูลจาก สพม.8 และจาก ครูปรีชา เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี ในวันที่ 4 ก.ค.ที่จะถึงนี้ เพื่อให้ที่ประชุมร่วมกันพิจารณาว่า จะดำเนินการทางวินัยหรือไม่อย่างไร รวมทั้งมาตรการทางการบริหารด้วย
ส่วนคณะกรรมการสอบสวนซึ่งตนได้เตรียมการไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยมี นายโชคชัย ฟักโต ผอ.โรงเรียนวัดพระแท่นดงรัง ในฐานะคณะอนุกรรมการศึกษาธิการจังหวัด ฝ่ายกฎหมาย เป็นประธานในการสอบสวนนั้น ขณะนี้ได้ชะลอการปฏิบัติหน้าที่ของ ครูปรีชา ออกไปก่อน เพื่อรอผลการพิจารณาของที่ประชุมในวันที่ 4 ก.ค.2561
ทั้งนี้ ในกรณีที่ข้าราชการถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 คือ ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี มีอำนาจในการพักราชการ หรือให้ออกจากราชการไว้ก่อนได้ จนกว่าคดีจะเป็นที่สิ้นสุด หากมีความผิดจริงก็ต้องออกจากราชการ แต่หากพิสูจน์ได้ว่าไม่มีความผิดก็ให้กลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ทางราชการตามเดิม แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องพิจารณาด้วยความละเอียดรอบคอบ และต้องให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายด้วย