จันทบุรี - ฝนหนักต่อเนื่องทำหลายพื้นที่ของ จ.จันทบุรี กระทบหนัก ทั้งสวนยางพาราที่ต้องได้รับความเสียหายจากพายุลมแรงพัดถล่มต้นยางหักโค่นกว่า 2 ไร่ ต้นไม้ใหญ่ล้มขวางถนน เสาไฟฟ้าหักโค่น จนชาวบ้าน อ.แก่งหางแมว ไม่มีไฟฟ้าใช้นาน 12 ชั่วโมง ขณะที่ รอง ผวจ.จันทบุรี ลงพื้นที่ อ.โป่งน้ำร้อน ดูความเสียหายของสวนทุเรียนเพื่อหามาตรการเยียวยา
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (12 มิ.ย.) นายเดช จินโนรส นายกองค์การบริหารส่วนตำบลขุนซ่อง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ ม.7 และ ม.13 ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ว่า ผลจากพายุฝน และลมแรงในช่วงคืนที่ผ่านมาต่อเนื่องถึงช่วงเช้าวันนี้ ได้ทำให้ต้นยางพาราที่ปลูกไว้ในสวนของชาวบ้านล้มหักโค่นเสียหายจำนวนกว่า 2 ไร่ นอกจากนั้น ยังมีต้นไม้ใหญ่ล้มขวางถนนสายช่องกะพัด-จันเขลม และยังทำให้เสาไฟฟ้าล้มเสียหาย จำนวน 5 ต้น ทำให้ชาวบ้านไม่มีไฟฟ้าใช้นานกว่า 12 ชั่วโมง หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.จันทบุรี ลงพื้นที่เพื่อแก้ไข และซ่อมแซมสายไฟฟ้าที่ขาด เพื่อเร่งจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ชาวบ้านได้ใช้ในช่วงเย็น
เช่นเดียวกับ นางกานต์เปรมปรีดิ์ ชิตานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ที่เดินทางลงพื้นที่ ต.โป่งน้ำร้อน อ.โป่งน้ำร้อน พร้อมด้วย นายพีรณัฐ รัตนวรโอภาส นายอำเภอโป่งน้ำร้อน เพื่อตรวจสอบความเสียหายของสวนทุเรียนของชาวบ้านที่ถูกพายุฝนพัดถล่มจนผลทุเรียนร่วงหล่นเสียหายไม่น้อยกว่า 50 ตันต่อวัน พร้อมกำชับให้ผู้นำชุมชนเร่งสำรวจ และรายงานข้อมูลให้จังหวัดทราบ เพื่อให้การช่วยเหลือเยียวยา
โดยในส่วนของทุเรียนที่เสียหายจากพายุได้กำชับไม่ให้เกษตรกรนำออกสู่ท้องตลาด เพื่อป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของจังหวัด และยังแนะนำให้เกษตรกรชาวสวนพ่นสีสเปรย์บนผลทุเรียนเพื่อเป็นตำหนิ ป้องกันไม่ให้พ่อค้ารับซื้อทุเรียนที่เสียหายไปวางจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภค แต่แนะนำให้แปรูปเป็นทุเรียนกวน หรืออบเป็นผงสำหรับผลิตเป็นไอศกรีมแทน
“ในส่วนของจังหวัดจะหามาตรการต่างๆ ในการควบคุมคุณภาพทุเรียนของ จ.จันทบุรี ให้มีมาตรฐานดีที่สุดก่อนจะถึงผู้บริโภค และดูแลเกษตรกรชาวสวนทุเรียนเรื่องการชดใช้ความเสียหายของผลผลิตที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติให้สมดุกับการลงทุนในอนาคต” นางกานต์เปรมปรีดิ์ กล่าว
