ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - 4 องค์กรเสาหลัก ม.แม่โจ้ ทั้งสภามหาวิทยาลัย, ผู้บริหาร, สมาคมศิษย์เก่า และองค์การนักศึกษา ตั้งโต๊ะแถลงกรณี กกอ. เสนอใช้ ม.44 จัดระเบียบและแก้ปัญหาธรรมาภิบาลของมหาวิทยาลัย กรณีการนำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้ส่วนตัวและทอดผ้าป่า ยืนยันความโปร่งใส และมีการตั้งกรรมการสอบสวนแล้ว พบว่า ไม่มีมูล ขณะเดียวกัน ร่วมประกาศเจตนารมณ์เรียกร้องความถูกต้องเป็นธรรม เตรียมดำเนินการทางกฎหมายเอาผิดคนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย
วันนี้ (4 มิ.ย. 61) ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในฐานะเลขานุการสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประสิทธิ์ โนรี นายกสมาคมศิษย์เก่าแม่โจ้, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พาวิน มะโนชัย รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และ นายอภิสิทธิ์ เสนามาตย์ นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกันชี้แจงกรณีที่คณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) มีการเสนอให้มีการใช้ ม.44 เพื่อจัดระเบียบและแก้ปัญหาธรรมภิบาลในมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จากกรณีที่มีการกล่าวหากรณีการนำรถยนต์ส่วนกลางของมหาวิทยาลัยไปใช้ทั้งที่ได้เลือกรับค่าตอบแทนเหมาจ่ายการจัดหารถประจำตำแหน่งอธิการบดีแล้ว และการขอใช้รถยนต์ส่วนกลาง พนักงานขับรถ น้ำมันเชื้อเพลิง และเบี้ยเลี้ยงพนักงานขับรถ ไปใช้ทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคี
ทั้งนี้ กรณีการนำรถยนต์ส่วนกลางของมหาวิทยาลัยไปใช้ ทั้งที่ได้เลือกรับค่าตอบแทนเหมาจ่ายการจัดหารถประจำตำแหน่งอธิการบดีแล้วนั้น สภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้ดำเนินการมอบหมายให้กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ จัดหาทีมงานเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่า ข้อกล่าวหาไม่มีมูล และทางสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้พิจารณาแล้วเห็นชอบผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงได้แจ้งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ทราบแล้ว ขณะที่กรณีการขอใช้รถยนต์ส่วนกลางไปทอดผ้าป่านั้น ได้ดำเนินการมอบหมายให้กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ จัดหาทีมงานเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่า ข้อกล่าวหาไม่มีมูล และยังได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงจากบุคคลภายนอกมหาวิทยาลัย เพื่อไต่สวนข้อเท็จจริง ซึ่งผลการไต่สวนพบว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูล และผลการพิจารณาดังกล่าวสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้พิจารณาเห็นชอบแล้วและได้แจ้งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ สกอ. และ ป.ป.ช. ทราบแล้ว
ขณะที่จากการตรวจสอบในสำนวนการสอบสวนของคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กับ สำนวนการสอบสวนของสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ทั้ง 2 ชุด และในรายงานการแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานของ ป.ป.ช. พบว่า มีความต่างกันอย่างมากในเรื่องของกลุ่มพยานบุคคลและเนื้อหาในคำให้การของพยานบุคคลกับข้อเท็จจริง ที่ปรากฏอยู่ในเอกสารของทางราชการ อีกทั้งสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้ดำเนินการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้บริหารมหาวิทยาลัยตามที่ได้มีการกล่าวหาว่ามีการกลั่นแกล้งบุคลากร ซึ่งพบว่ามิได้มีการกระทำตามที่มีการกล่าวหาแต่อย่างใด จึงมีมติรับทราบรายละเอียดตามหนังสือ (ลับ) ที่ สกอ. แจ้งมา
โดยกรณีดังกล่าวสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้พิจารณาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและไต่สวน พร้อมทั้งแจ้งผลให้กับ สกอ. และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 58 และวันที่ 13 ม.ค. 60 ตามลำดับไปเรียบร้อยแล้ว และเมื่อกรณีดังกล่าวได้อยู่ในอำนาจการพิจารณาของ ป.ป.ช. รวมทั้งทาง สกอ. ได้ส่งเรื่องดังกล่าวไปให้ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว จึงเห็นควรให้เป็นอำนาจของ ป.ป.ช. โดยสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ไม่อาจก้าวล่วงอำนาจหน้าที่ ยินดีและพร้อมให้ความร่วมมือเมื่อ ป.ป.ช. ร้องขอเอกสารหรือข้อมูลอื่นใดที่จะมีผลต่อการไต่สวนข้อเท็จจริงอย่างยุติธรรมทั้งสองฝ่าย
นอกจากนี้ ภายหลังการชี้แจงแล้วทางตัวแทน 4 องค์กรหลักของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ประกอบด้วย สภามหาวิทยาลัยแม่โจ้, คณะกรรมการผู้บริหารมหาวิทยาลัยแม่โจ้, สมาคมศิษย์เก่าแม่โจ้ และองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ ระบุว่า กรณีการนำเสนอข่าวดังกล่าวกล่าวหาเกี่ยวกับธรรมาภิบาลของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นการนำเสนอข้อมูลเพียงด้านเดียวอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จึงขอแสดงจุดยืนเรียกร้องความถูกต้องและเป็นธรรมเพื่อชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย โดยจะร่วมมือการดำเนินการทางกฎหมายกับบุคคล หรือกลุ่มบุคคลผู้ไม่หวังดีรวมตลอดถึงบุคคลที่ไม่มีตัวตนแอบอ้างความเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัย และผู้แสดงข้อความที่บิดเบือนและไม่เป็นความจริงกล่าวหามหาวิทยาลัย