ศูนย์ข่าวศรีราชา- บ.มิตซูบิชิฯ ในนิคมฯ แหลมฉบัง ฉลองการผลิตรถยนต์ครบ 5 ล้านคัน ด้าน “ดร.สมคิด” พร้อมผลักดันให้เป็นศูนย์กลางของการผลิตรถยนต์แห่งอนาคตที่ทันสมัยที่สุดในภูมิภาคแห่งนี้
วันนี้ (4 มิ.ย.) ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย มร.โอซามุ มาสุโกะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น มร.โมริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และนายนิติ วิวัฒน์วานิช นายอำเภอศรีราชา ร่วมพิธีฉลองการผลิตรถยนต์ครบ 5 ล้านคัน ณ โรงงานมิตซูบิชิ มอเตอร์ แห่งที่ 3 ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
ด้าน นายโมริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กำลังจะบันทึกอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งสำคัญในประเทศไทย ด้วยการผลิตรถยนต์ครบ 5 ล้านคัน ที่ศูนย์การผลิตในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ซึ่งนับเป็นศูนย์การผลิตนอกประเทศญี่ปุ่นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ด้วยกำลังการผลิต 424,000 คันต่อปี และส่งออกไปยัง 120 ประเทศทั่วโลก โดยศูนย์การผลิตฯ นี้มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างความแข็งแกร่งในการเติบโตทางธุรกิจของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทั่วโลก
นายโมริคาซุ ชกกิ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ทำการศึกษานโยบายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย เพื่อนำเสนอต่อลูกค้าในประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้ ที่สำคัญนโยบายประเทศไทย 4.0 จะพลิกโฉมให้ประเทศไทยเป็นชาติที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การวิจัยและการพัฒนา รวมถึงความคิดสร้างสรรค์
ดร.สมคิด จารุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีที่บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ที่ผลิตรถยนต์ครบ 5 ล้านคัน ซึ่งแสดงถึงความสำเร็จ และความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังของบริษัทมิตซูบิชิฯ ที่เคยประกาศไว้ว่า จะสร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของการผลิตยานยนต์ภายในประเทศ และเพื่อการส่งออก ที่สำคัญยังเป็นสถานที่วิจัยและพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ด้านนวัตกรรมด้านยานยนต์ รวมทั้งเลือกประเทศไทยเป็นสนามทดสอบยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดรองจากประเทศญี่ปุ่น
ดร.สมคิด กล่าวต่อไปว่า ตลอดระยะเวลา 50 ปี ที่บริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด อยู่ในประเทศไทยนั้น ทางบริษัทฯ มีส่วนร่วมในการเกื้อหนุนให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโต เกื้อหนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางผลิตยานยนต์สู่โลก และมีการจ้างงานเป็นจำนวนมาก
ขณะนี้ประเทศไทยมีนโยบาย 4.0 ไม่ใช่เป็นความฝัน แต่มีรากฐานสู่ความเป็นจริง และสามารถเกิดขึ้นได้ภายใต้ศักยภาพของประเทศไทย เพราะหลาย 10 ปีที่ผ่านมา ยังไม่มีอะไร แต่ขณะนี้กลายเป็นฐานอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของอนุภูมิภาคอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง
ดร.สมคิด กล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่บริเวณดังกล่าวอยู่ในโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ด โดยต้องการต่อยอดอีสเทิร์นซีบอร์ดเหล่านี้เป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตข้างหน้า อุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยี อุตสาหกรรมที่สามารถเชื่อมโยงกับภาคเกษตรและภาคท้องถิ่นได้ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ ดยจะสร้างงาน สร้างรายได้ และเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจฐานรากได้ด้วย
ในอนาคต ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของการผลิตรถยนต์แห่งอนาคตที่ทันสมัยที่สุดในภูมิภาคแห่งนี้ และเป็นฐานส่งออกที่ใหญ่ที่สุด และในอนาคต ประเทศไทยต้องการให้ผู้ประกอบการยานยนต์ทุกค่ายร่วมกับประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์แห่งอนาคต เช่น รถไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ในเร็วๆ นี้