ศูนย์ข่าวขอนแก่น - อดีตผู้การฯเมืองเลย ขอเลื่อนให้ปากคำตำรวจภูธรภาค 4 วันพุธนี้ เผย หากเจ้าตัวผิดนัดอีก พร้อมสรุปสำนวนสอบทันที เบื้องต้นพบมีความผิดจริงจากการเชิดเงินโครงการรวมหนี้หนี 129 ล้านบาท มีนายตำรวจได้รับความเสียหาย 193 นาย เข้าข่ายความผิดทั้งคดีอาญา และความผิดวินัย
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีตำรวจภูธรจังหวัดเลยเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เพื่อให้ช่วยเหลือเรื่องหนี้สินรวมกว่า 129 ล้านบาท (193 นาย) ที่เข้าร่วมโครงการรวมหนี้ กู้เงินจากสหกรณ์ ไปลงทุน กับอดีตผู้บังคับการจังหวัดเมื่อปีที่แล้ว โดยมีเงื่อนไขว่าจะรับผิดชอบส่งภาระหนี้สินของสถาบันการเงินต่างๆ แทน แต่กลับพบว่า เมื่อช่วง 4 ถึง 5 เดือนที่ผ่านมา ถูกติดตามทวงหนี้และตัวอดีตผู้การฯเชิดเงินหนี
ล่าสุด วันนี้ (4 มิ.ย.) พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับการติดต่อจากอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช ขอเลื่อนการเข้าให้ไปเป็นวันพุธที่ 6 มิ.ย. นี้แทน หลังจากที่ทางตำรวจภูธรภาค 4 ได้ทำหนังสือให้เข้ามาให้ปากคำกับทางตำรวจชุดเฉพาะกิจ ที่จัดตั้งขึ้นมาสอบสวนคดีดังกล่าวในวันนี้ (4 มิ.ย.) โดยอ้างติดธุระ จึงไม่สามารถเข้าให้ปากคำตามนัดหมายได้
เบื้องต้นได้รับการติดต่อและยืนยันว่าจะมาภายในวันพุธ เวลา 13.00 น. ส่วนการสอบปากคำพยานในเรื่องนี้ได้มีการสอบปากคำผู้เสียหายและผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้วทั้งหมด เหลือเพียง พล.ต.ต.สุทิพย์ เพียงปากเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ บอกว่า หากวันพุธ ทาง พล.ต.ต.สุทิพย์ ไม่มาตามนัด ก็จะมีการสรุปเรื่องนี้ทันที เบื้องต้นพบว่า อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย เข้าข่ายความผิด เนื่องจากมีหลักฐานที่ชี้ชัดว่า ได้ชักชวนตำรวจในสังกัดรวม 193 นาย เข้าร่วมโครงการรวมหนี้ เป็นยอดเงินสูงกว่า 229 ล้านบาท จากการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงไปแล้วเกือบ 99 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเข้าข่ายความผิดทางคดีอาญา และความผิดวินัย
โดยความผิดทางวินัย ทางตำรวจภูธรภาค 4 จะได้สรุปก่อนที่จะส่งไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะอดีตผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดเลย ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อจะได้มีการพิจารณา ความผิดต่อไป