เชียงราย - เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.-ทหารพม่าสกัดจับ 10 ล้อไทยทะเบียนเชียงราย พบขนสารตั้งต้นยานรกข้ามฝั่งแม่สายเข้าท่าขี้เหล็กเต็มรถถึง 15 ตัน ชี้หลุดไปได้ผลิตไอซ์ได้ไม่น้อยกว่า 6 ตัน
รายงานข่าวจากชายแดนไทย-พม่า ด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย แจ้งว่า เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.30 และทหาร บก.ยศ.จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า นำกำลังเข้าตรวจค้นรถบรรทุก 10 ล้อ คันหนึ่งที่ขับผ่านสะพานข้ามแม่น้ำสาย จากฝั่ง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ไปยังท่าขี้เหล็ก เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ตามที่ได้รับการประสานจากหน่วยงานในฝั่งไทยให้ช่วยสกัดเอาไว้
จากการตรวจสอบพบเป็นรถยนต์บรรทุกยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียนป้ายเหลืองเชียงราย มีชายไทย อายุ 42 ปี เป็นคนขับ ด้านหลังกระบะมีผ้าใบคลุมมิดชิด และเมื่อเปิดออกพบบรรทุกถังอะลูมิเนียมพ่นสีดำ จำนวน 300 ถัง น้ำหนักถังละ 50 กิโลกรัม รวมน้ำหนักทั้งหมด 15,000 กิโลกรัม หรือ 15 ตัน
เบื้องต้นพบว่าถังดังกล่าวบรรจุสารเคมีโซเดียมไซยาไนด์ชนิดเกล็ดแข็งไม่ทราบต้นกำเนิดเต็มทุกถัง และเป็นการนำผ่านแดนโดยไม่แจ้งสำแดงว่าเป็นสินค้าชนิดใด อย่างไรก็ตาม ทางการพม่าถือว่าโซเดียมไซยาไนด์เป็นสารพิษและสารอันตราย มีความผิดตามกฎหมายของประเทศพม่า ส่วนฝั่งประเทศไทยเองก็ถือเป็นสารเคมีที่ต้องควบคุมด้วย โดยจัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตรายของกรมโรงงาน
แหล่งข่าวชายแดนระบุว่า สารเคมีโซเดียมไซยาไนด์สามารถนำไปผลิตเป็น P2P หรือเฟนิล-2-โพรพาโนน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตเมทแอมเฟตามีน หรือยาไอซ์ P2P จึงจัดเป็นยาเสพติดประเภท 4 และเมื่อนำมาสังเคราะห์พบว่าโซเดียมไซยาไนด์น้ำหนัก 1 กิโลกรัมสามารถนำมาผลิตเป็นยาไอซ์ได้ประมาณ 400 กรัม โดยถือเป็นสารหลักที่ใช้เตรียมสารตั้งต้น หรือเรียกกันว่า Pre-Precursor
สำหรับรถบรรทุกคันดังกล่าว ทางการไทยตรวจย้อนหลังแล้วพบว่ามีการขับไป-มาระหว่าง จ.เชียงใหม่-อ.แม่สรวย-อ.เมืองเชียงราย หลายรอบอย่างน่าสงสัย กระทั่งวันที่ 31 พ.ค. รถคันดังกล่าวได้ออกจาก อ.แม่สรวย มุ่งหน้าเข้า อ.เมืองเชียงราย-ชายแดน อ.แม่สาย กระทั่งถูกตรวจพบว่ามีบรรทุกสารเคมีต้องห้ามข้ามฝั่งเข้าท่าขี้เหล็กดังกล่าว