อุทัยธานี/พิจิตร - เดือดร้อนกันทุกครัวเรือนจริง หลังน้ำมัน-LPG ปรับราคาเพิ่มต่อเนื่อง ล่าสุดพบร้านค้าส่งค้าปลีกก๊าซหุงต้มบางแห่งขายกันถังละ 410 บาทแล้ว ขณะที่แม่ค้าพืชผักตามตลาดสดพาเหรดปรับราคาตามค่าขนส่งด้วย
หลังราคาก๊าซ LPG บรรจุถัง หรือก๊าซหุงต้ม ได้เริ่มขยับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จากเดิมถังขนาด 15 กิโลกรัม ราคา 353 บาท ตั้งแต่ 14 พ.ค. ปรับขึ้นเป็น 364 บาท, 16 พ.ค.ราคา 372 บาท และล่าสุดขณะนี้ได้ปรับราคาเพิ่มเป็น 395 บาท อีกทั้งร้านขายส่งรายย่อยบางร้านบางแห่งปรับราคาสูงถึง 410 บาท ส่งผลให้ภาคครัวเรือน ตลอดจนผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
นายสมชาย โพธิ์ประดิษฐ์ อายุ 47 ปี พ่อค้าร้านอาหารตามสั่งรายหนึ่งในเขตเทศบาลตำบลหนองฉาง อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี เล่าว่า ช่วงนี้ LPG ปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ส่งผลกระทบต่อทางร้านไม่น้อยเช่นกัน ปกติก๊าซถังหนึ่งจะใช้ได้ประมาณ 3-5 วัน ซึ่งเมื่อเดือนเมษายนเคยซื้อ 330 บาท ต้นเดือนพฤษภาคมปรับมาเป็น 375 บาท และมาเป็น 385 บาท บางพื้นที่ในตัวเมืองเห็นว่าปรับขึ้นมากถึงถังละ 410 บาทด้วยซ้ำ
“ราคาก๊าซขึ้นสูงมากจริงๆ แต่เราก็ยังต้องขายอาหารในราคาเดิมเพราะไม่รู้จะปรับราคาขึ้นยังไง ลูกค้าที่มารับประทานส่วนใหญ่ก็จะเป็นครู นักเรียน และชาวบ้านทั่วไป ก็เห็นใจลูกค้าอีก จึงต้องขายอาหารตามสั่งราคา 30 บาท หากเป็นกับข้าวจะราคา 50 บาท เมนูต้มยำ ราคา 60 บาทเท่าเดิม”
ขณะที่นางพะเยาว์ แม่ค้าผักสดในตลาดสดเทศบาลเมืองพิจิตร กล่าวว่า จากที่ราคาน้ำมัน และก๊าซหุงต้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาพืชผัก ผลไม้หลายชนิดที่รับมาจากแหล่งผลิตและแหล่งค้าส่งมีราคาเพิ่มตามไปด้วย ขณะที่ของสด-อาหารทะเล แม้ยังมีราคาคงเดิม แต่มีแนวโน้มที่จะปรับราคาเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันเหมือนกัน
ขณะนี้พ่อค้าแม่ค้าในตลาดสดเทศบาลเมืองพิจิตรได้มีการปรับราคาพืชผักหลายรายการสูงขึ้น 10-20% เช่น ผักชี ต้นทุนรับมากิโลกรัมละ 150 บาท ขายปลีกในราคา 200 บาทต่อกิโลกรัม, พริกชี้ฟ้า รับมากิโลกรัมละ 70 บาท ขายปลีกกิโลกรัมละ 100 บาท, แตงกวา เดิมราคากิโลกรัมละ 130 บาท ตอนนี้ขยับราคาขายปลีกขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 250 บาท เป็นต้น