บุรีรัมย์ - ชาว อ.สตึก จ.บุรีรัมย์กว่า 30 ครัวเรือน บุกร้องศูนย์ดำรงธรรมฯ โวยได้รับเงินชดเชยช่วยเหลือเยียวยาบ้านพังเสียหายจากพายุถล่มไม่เป็นธรรม เลือกปฏิบัติ บางหลังเสียหายน้อยได้เงินมาก แต่เสียหายมากกลับได้เงินน้อย เรียกร้องให้ตรวจสอบใหม่ ชี้บางครัวเรือนเดือดร้อนหนักต้องกู้ยืมเงินมาซ่อมแซมบ้าน
วันนี้ (23 พ.ค.) ชาวบ้าน ม.1 และ ม.2 ต.กระสัง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ กว่า 30 ครัวเรือน ได้นำหลักฐานรูปถ่ายสภาพบ้านเรือนที่ถูกพายุพัดพังเสียหายเมื่อช่วงกลางเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ให้ช่วยเหลือ โดยอ้างว่าได้รับเงินชดเชยเยียวยาจากงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่เป็นธรรม และไม่ตรงตามความเสียหายจริง โดยเฉพาะบางรายที่บ้านเรือนถูกพายุพัดพังเสียหายเกือบทั้งหลัง แต่กลับได้รับเงินชดเชยเยียวยาเพียงครัวเรือนละ 3,000-7,000 บาทเท่านั้น แต่บางหลังที่เสียหายไม่มาก หรือแค่ห้องน้ำพังเสียหาย กลับได้รับเงินชดเชยมากกว่า 10,000 บาท จึงมองว่าการจ่ายเงินชดเชยเยียวยาผู้ประสบวาตภัยในครั้งนี้ไม่มีความเป็นธรรมและน่าจะมีการเลือกปฏิบัติ ทำให้ราษฎรที่บ้านเรือนเสียหายหนักแต่ได้รับเงินไม่ตรงตามความเป็นจริง ต้องเดือดร้อนไปกู้ยืมเงินมาซ่อมแซมบ้านรายละ 20,000-30,000 บาท
จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งประเมินความเสียหายใหม่ และพิจารณาจ่ายเงินชดเชยช่วยเหลือให้ตรงกับความเสียหายจริงด้วย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวบ้านที่ประสบภัยด้วย
นางบุญมี วรรณยุทธ และนางทรัพย์ ทนารัมย์ ชาวบ้านบ้านกระสัง ต.กระสัง อ.สตึก กล่าวว่า การจ่ายเงินชดเชยช่วยเหลือราษฎรที่ประสบวาตภัยในครั้งนี้ไม่มีความเป็นธรรม และน่าจะมีการเลือกปฏิบัติ เพราะคนที่ถูกพายุพัดบ้านพังเสียหายเกือบทั้งหลังกลับได้เงินชดเชยน้อย ไม่ตรงตามความเป็นจริง แต่รายที่เสียหายน้อยกลับได้เงินมาก จึงอยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและประเมินค่าความเสียหายใหม่ และพิจารณาจ่ายเงินช่วยเหลือให้ชาวบ้านได้รับความเป็นธรรมด้วย
นายชุมพล ภูผานิล ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรม จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า หลังรับเรื่องร้องเรียนเบื้องต้นได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตัวแทน ปภ. อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้ามาชี้แจงและเจรจากับชาวบ้านที่มาร้องเรียน ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ชี้แจงว่าได้มีการตรวจสอบประเมินค่าความเสียหายตามขั้นตอน และจ่ายเงินชดเชยตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่กำหนด แต่ในเมื่อชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายติดใจ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องก็รับปากว่าจะทำการตรวจสอบประเมินความเสียหายใหม่อีกครั้งเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ชาวบ้าน