ระยอง - ชาวไร่สับปะรดเมืองระยอง วอนนายกรัฐมนตรีเร่งแก้ปัญหาราคาสับปะรดตกต่ำหลังผลผลิตล้นตลาด ขณะที่เลขาสมาคมพัฒนาคุณภาพสับปะรดไทยภาคตะวันออก เผยสมาคมฯ ได้ยื่นหนังสือผ่านสำนักนายกฯ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว
วันนี้ (21 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายนิพนธ์ ศรีสุข เกษตรกรชาวไร่สับปะรดใน อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง ว่า กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากปัญหาราคาตกต่ำ โดยราคารับซื้อหน้าโรงงานขณะนี้เหลือเพียงกิโลกรัมละ 2.40 บาท แต่ต้นทุนการปลูกของเกษตรกรกลับอยู่ที่ต้นละ 4-5 บาท ซึ่งที่ผ่านมา ยังไม่เคยได้รับการดูแล และช่วยเหลือจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ไม่เพียงเท่านั้น ปัญหาค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้น และราคาปุ๋ย รวมทั้งน้ำมันที่ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องยังทำให้ได้รับความเดือดร้อนหนักกว่าที่เป็นอยู่
“วอนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ช่วยนำสับปะรดไปแลกกับเรือดำน้ำ หรือเรือรบบ้าง เพราะขณะนี้ชาวไร่สับปะรดเดือดร้อนอย่างหนัก และในวันนี้ชาวไร่ยังพากันบรรทุกสับปะรดมาส่งให้โรงงานนับ 100 คัน และต้องจอดรอคิวเป็นเวลานาน เพื่อขายสับปะรดในราคากิโลกรัมละ 2.40 บาท และคาดว่าเมื่อถึงสัปดาห์หน้า ราคาอาจลดเหลือเพียงกิโลกรัมละ 2 บาท” นายนิพนธ์ กล่าว
เช่นเดียวกับ นายชิงชัย ศินล้อมทรัพย์ อีกหนึ่งชาวไร่สับปะรดที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งบอกว่าราคาขายสับปะรดที่ตกต่ำลงเรื่อยๆ ทำให้ตนเองแบกรับภาระขาดทุนไม่ไหว และต้องหันมาเลี้ยงวัว ขณะที่เกษตรกรบางรายที่ได้ปรับพื้นที่ใส่ปุ๋ยเพื่อเตรียมปลูกสับปะรดใหม่ก็ต้องจำใจไถไร่สับปะรดทิ้ง เพื่อหันไปปลูกทุเรียน เนื่องจากการเข้ามารับซื้อทุเรียนของกลุ่มแจ๊คหม่า จนทำให้มีราคาแพง
และจากการสอบถามไปยัง นายอรุณ อินทร์แก้ว เลขาสมาคมพัฒนาคุณภาพสับปะรดไทยภาคตะวันออก ถึงการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ได้รับการเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาสมาคมฯ โดย นายวิมล สิทธิเวช นายกสมาคมฯ ได้เข้ายื่นหนังสือที่สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยแก้ปัญหาราคาสับปะรดราคาตกต่ำ พร้อมเร่งหาวิธีในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด
เนื่องจาก จ.ระยอง มีผู้ปลูกสับปะรดรวมกว่า 2 หมื่นไร่ และมีโรงงานผลิตสับปะรดกระป๋องรวม 2 แห่ง คือ บริษัท สยามอุตสาหกรรมอาหาร จำกัด หรือไซโก้ และโรงงานโด อ.บ้านค่าย ที่มีกำลังการผลิตรวมวันละประมาณ 700-800 ตัน แต่เกษตรกรสามารถผลิตสับปะรดได้วันละ 1,200 ตัน จึงทำให้ผลผลิตที่เหลือไม่สามารถระบายได้
“จึงอยากให้รัฐบาลสนับสนุนให้โรงงานผลิตสับปะรดกระป๋องในพื้นที่เพิ่มกำลังผลิต เพื่อให้เกิดการขยายกำลังการรับผลผลิตจากเกษตรกร เพื่อแก้ไขปัญหาผลผลิตล้นตลาด จนทำให้ราคาตกต่ำ” นายอรุณ กล่าว