บุรีรัมย์ - ครูอัตราจ้างตกเป็นเหยื่อถูกข้าราชการครู ร.ร.ดังแห่งหนึ่ง จ.บุรีรัมย์ หลอกเรียกเงินรายละแสน รวม 5 แสน อ้างช่วยให้สอบบรรจุเป็นครูผู้ช่วยที่โคราชได้ จี้ต้นสังกัดสอบเอาผิดวินัยร้ายแรงและกฎหมายให้ถึงที่สุด พร้อมแจ้งความดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกง” แล้ว
วันนี้ (10 พ.ค.) นายปัญญา (นามสมมติ) ครูอัตราจ้างโรงเรียนแห่งหนึ่งที่ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ พร้อมภรรยา ได้ออกมาเรียกร้องให้ทางต้นสังกัดสอบเอาผิดวินัยร้ายแรงต่อนายสิทธิชัย (ขอสงวนนามสกุล) ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.ชุมแสง อ.สตึก หลังครูคนดังกล่าวมีพฤติกรรมหลอกเรียกรับเงินครูอัตราจ้างรวมจำนวน 5 คน คนละ 200,000 บาท โดยอ้างว่าจะสามารถช่วยเหลือให้สอบบรรจุเป็นพนักงานราชการ หรือครูผู้ช่วย ในสังกัด สพป.เขต 4 จังหวัดนครราชสีมาได้ โดยให้จ่ายเงินก่อนล่วงหน้าคนละ 100,000 บาท เป็นค่าดำเนินการหรือวิ่งเต้น หากได้รับการบรรจุก็ให้จ่ายเพิ่มอีกคนละ 100,000 บาท
ด้วยความที่เห็นว่าเป็นข้าราชการครูทำให้ครูอัตราจ้างทั้ง 5 คนไว้ใจและหลงเชื่อยอมจ่ายเงินให้กับครูคนดังกล่าวไปคนละ 100,000 บาท ตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ย. 2560 ที่ผ่านมา โดยหลอกว่าจะมีการเปิดสอบช่วงเดือน ม.ค. 2561 แต่จนถึงขณะนี้ผ่านมานานกว่า 6 เดือน กลับไม่ได้รับการสอบบรรจุจริงตามที่ครูคนดังกล่าวอ้าง
เมื่อสอบถามพยามบ่ายเบี่ยง และพอทวงถามเงินคืนก็ขอเลื่อนและอ้างโน่นอ้างนี่ เชื่อว่าน่าจะถูกหลอกจึงได้พากันนำหลักฐานทั้งสลิปการโอนเงินเข้าบัญชีครู เอกสารที่ทำเป็นสัญญากู้ยืมเงิน และสัญญากำหนดวันคืนเงินเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อครูคนดังกล่าว
นายปัญญา (นามสมมติ) หนึ่งในครูอัตราจ้างที่ตกเป็นเหยื่อ บอกว่า ปกติเป็นครูอัตราจ้างอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ได้เงินเดือนๆ ละ 6,000 บาท เมื่อมีคนมาสอบถามว่าอยากบรรจุเป็นพนักงานราชการหรือครูผู้ช่วยสังกัด สปพ.เขต 4 จ.นครราชสีมาหรือไม่ ตนเห็นว่าน่าจะมีความมั่นคงและมีเงินเดือนที่สูงขึ้นจึงสนใจ กระทั่งมีคนมาติดต่อให้รู้จักกับนายสิทธิชัย ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.ชุมแสง ที่อ้างว่ารู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ที่สามารถช่วยให้สอบบรรจุได้ แต่ต้องจ่ายเงินค่าดำเนินการหรือวิ่งเต้น 200,000 บาท โดยให้จ่ายล่วงหน้า 100,000 บาท หากได้บรรจุจ่ายเพิ่มอีก 100,000 บาท จึงหลงเชื่อจ่ายเงินไป 100,000 บาท ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2560 แต่จนถึงขณะนี้ผ่านไปนานถึง 6 เดือนแล้วก็ไม่ได้รับการบรรจุตามที่กล่าวอ้าง และไม่ได้เงินคืนตามที่ตกลงกัน สร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและครอบครัว เพราะเงินที่นำมาจ่ายเป็นเงินที่เก็บสะสมจากการทำงาน จึงได้พากันเข้าแจ้งความให้เอาผิดตามกฎหมาย และอยากให้ต้นสังกัดสอบเอาผิดวินัยร้ายแรงต่อครูคนดังกล่าวด้วย เพื่อจะได้ไม่ไปหลอกลวงสร้างความเดือดร้อนคนอื่นต้องสูญเสียเงินซ้ำอีก
ขณะที่ ร.ต.อ.มานพ รอยประโคน รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ ให้ข้อมูลว่า หลังจากได้รับแจ้งความจากผู้เสียหาย ได้ออกหมายเรียกครูคนที่ถูกกล่าวหามาสอบปากคำแล้ว เบื้องต้นครูคนดังกล่าวยอมรับว่าได้เรียกรับเงินจากผู้เสียหายจริง จึงให้ทั้งสองฝ่ายไกล่เกลี่ยกันถึง 2 ครั้ง ซึ่งครูรับปากจะคืนเงินให้ผู้เสียหาย แต่เมื่อครบกำหนดกลับไม่มีการคืนเงินจึงได้ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยแจ้งข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์สินของผู้อื่น” ขณะนี้อยู่ระหว่างฝากขัง และรวบรวมหลักฐานสรุปสำนวนส่งอัยการ