นครพนม - ช็อกทั้งอำเภอ พระมหาสมัย สิทธิชโย อายุ 46 ปี เจ้าอาวาสวัดไตรภูมิ พระชื่อดังเจ้าคณะอำเภอท่าอุเทน นครพนม ลาสิกขาล่องหนปริศนา หลังมีข่าวแอบสลัดจีวรหนีเที่ยวโอเกะ ผู้ใหญ่บ้านเผยบวชมาเกือบ 40 ปี ไม่เคยมีประวัติเสีย ด้านคณะสงฆ์ตั้งกรรมการสอบเท็จจริง
วันนี้ (1 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม หลังมีข่าวทางสื่อโซเชียลมีเดียว่ามีพระชั้นผู้ใหญ่ ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดดังแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลตำบลท่าอุเทน และยังเป็นถึงเจ้าคณะอำเภอท่าอุเทน หนีเที่ยวร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 26 เม.ย. 2561 ที่ผ่านมา จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองมุกดาหาร ไปตรวจสอบ พบเห็นและจำได้ว่าเป็นพระเจ้าคณะอำเภอชื่อดัง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งเคยไปรับราชการในพื้นที่ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม
หลังจากนั้นจึงมีการตรวจสอบทั้งเอกสารบัตรประจำตัวประชาชน และมีการสอบถามไปยังคนในพื้นที่ ยืนยันว่าเป็นพระมหาสมัย สอนซ้าย หรือพระมหาสมัย สิทธิชโย อายุ 46 ปี เจ้าอาวาสวัดไตรภูมิ ต.ท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน และยังมีตำแหน่งเป็นถึงเจ้าคณะอำเภอท่าอุเทน แต่อยู่ในชุดฆราวาส อีกทั้งยังเข้าไปเที่ยวร้านคาราโอเกะ จึงได้ตรวจสอบเป็นหลักฐาน พร้อมแจ้งไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการทางวินัยสงฆ์ แต่ไม่ได้ควบคุมตัวเนื่องจากไม่ได้กระทำผิดทางกฎหมาย
ภายหลังมีข่าวแพร่ไปทางโซเชียลฯ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงทราบว่า หลังเกิดเรื่อง พระมหาสมัย สิทธิชโย อายุ 46 ปี ได้เดินทางไปลาสิกขากับพระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม เจ้าคณะจังหวัดนครพนม ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม แต่ไม่มีใครเปิดเผยถึงเหตุผลที่ต้องลาสิกขา
กระทั่งล่าสุดยังพบอีกว่า พระมหาสมัยที่ตกเป็นข่าวยังหายตัวปริศนา ไม่กลับวัด ครั้นสอบถามไปทางญาติพี่น้องต่างยืนยันว่าไม่ได้ติดต่อกลับกับทางบ้านเลย สร้างความแปลกใจให้ชาวบ้านทั้งอำเภอ รวมถึงคนที่เคารพนับถือเป็นอย่างมาก
เนื่องจากพระมหาสมัย สิทธิชโย เจ้าอาวาสวัดไตรภูมิ ถือเป็นพระนักพัฒนาที่มีชื่อเสียง เป็นที่รักใคร่ เคารพศรัทธาของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และใช้ชีวิตในเส้นทางธรรมมาตลอด บวชเรียนมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ศึกษาหาความรู้ด้านพระธรรมวินัยมานานกว่า 40 ปี จนกระทั่งจบการศึกษาชั้นเปรียญธรรม 7 โดยมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด และพัฒนาทะนุบำรุงวัดมานานเกือบ 20 ปี และได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าคณะอำเภอตั้งแต่ปี 2550
ทางด้านนายสุพจน์ คงทอง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครพนม ได้ระบุถึงแนวทางในการตรวจสอบว่า หลังเกิดเรื่องได้มีการตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริง แต่ทางพระเจ้าอาวาสได้ลาสิกขาออกไปแล้ว ไม่สามารถที่จะเอาผิดและถือว่าไม่มีความผิดทางวินัยสงฆ์แล้ว จากนั้นในการดำเนินการจะเป็นหน้าที่ของคณะสงฆ์ที่กำกับดูแลตามหน้าที่ ทำการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินของวัดทั้งหมดว่าสูญหาย หรืออยู่ครบหรือไม่ รวมถึงเป็นหน้าที่ของพระเจ้าคณะตำบลที่จะมีอำนาจตั้งรักษาการเจ้าอาวาสมาดูแล
นางอิมอร บุพศิริ อายุ 58 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ชุมชนวัดไตรภูมิ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เล่าว่า สำหรับพระมหาสมัย สิทธิชโย อายุ 46 ปี เจ้าอาวาสวัดไตรภูมิ เจ้าคณะอำเภอท่าอุเทนนั้น ถือว่าเป็นพระนักพัฒนา เป็นที่เคารพนับถือ เป็นที่รักใคร่ของชาวบ้านในพื้นที่มาหลายสิบปี จากประวัติส่วนตัวท่านบวชสามเณรมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ เพราะบ้านเกิดเป็นคนตำบลท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม จนกระทั่งได้รับตำแหน่งถึงเจ้าอาวาส และเจ้าคณะอำเภอ ที่ผ่านมายืนยันเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ไม่เคยมีเรื่องประวัติเสื่อมเสียทุกด้าน แม้ชาวบ้านจะทราบข่าวว่าท่านหนีเที่ยว ชาวบ้านก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะไม่ได้ทำให้วัดเสียหายร้ายแรง แต่คงเป็นชะตากรรม หรือเป็นปัญหาส่วนตัว และคิดสั้นชั่ววูบ พอหลังมีเรื่องได้ลาสิกขาเพราะท่านคงสำนึกได้
ส่วนสามเณรโอม อายุ 15 ปี หลานชายเจ้าอาวาสรูปดังกล่าวที่บวชเรียนภายในวัด เปิดเผยว่า วันเกิดเรื่องได้เดินทางขึ้นรถไปกับเจ้าอาวาสจริง ออกจากวัดเวลาประมาณ 20.00 น.วันที่ 26 เมษายน โดยมีญาติเป็นคนขับรถและมีสามเณรในวัดเดินทางไปด้วยอีกรูปหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าจะไปไหน เพียงแต่ชวนไปด้วย แจ้งว่าจะไปทำธุระส่วนตัว จากนั้นได้นั่งรถไปถึงมุกดาหาร แต่ไม่ได้ยินว่าติดต่อกับใครในรถ จากนั้นจึงพากันหลับ จนกระทั่งรู้สึกตัวอีกทีเมื่อมาถึงวัดจึงพากันขึ้นไปนอนที่กุฏิ จนกระทั่งมาทราบข่าวในวันต่อมาว่าพระเจ้าอาวาสลาสิกขาแล้ว ตอนแรกไม่เชื่อ จนมารู้ว่าท่านไม่อยู่แล้วจึงรู้ว่าเรื่องจริง
ขณะที่นายศุภโชค เทียนทอง วัฒนธรรมอำเภอท่าอุเทน ออกมาเปิดเผยว่า สำหรับ พระมหาสมัย สิทธิชโย อายุ 46 ปี เจ้าอาวาสวัดไตรภูมิ ที่ตกเป็นข่าว ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่เคยได้ทำงานร่วมกับวัดและได้รู้จักกับท่าน ยืนยันว่าเป็นพระนักพัฒนาที่มีความรู้ความสามารถ เป็นที่รักใคร่เคารพนับถือของประชาชนทั้งอำเภอ เพราะท่านพัฒนาดูแลวัดให้ มีความเจริญรุ่งเรืองมาตลอด เพราะเป็นวัดดังที่มีชื่อเสียง และยังเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ จบการศึกษาระดับเปรียญธรรม 7 หรือสูงกกว่าชั้นพระครู เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งตนเชื่อว่าท่านคงหมดบุญในทางธรรมทำให้เกิดกิเลสตันหา เกิดอารมณ์ชั่ววูบตัดสินใจไปเที่ยวในสถานบันเทิง