ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- แทบขาดใจ! เมียแรงงานบุรีรัมย์ 1 ใน 2 ศพแรงไทย เหยื่อไฟไหม้ รง.ไต้หวันร่ำไห้เป็นลมทั้งวันหลังได้รับข่าวร้าย เผยสิ้นเสาหลัก ทิ้ง 6 ชีวิตลอยเคว้ง ทั้งเมีย ลูก 4 คน และแม่ยาย ฐานะครอบครัวยากจนแถมหนี้สินท่วม เผยเมียเคยห้ามไม่ให้กลับไปทำเพราะเงินน้อยไร้โอที ระบุก่อนตายไม่กี่ชั่วโมงโทรฯ มาคุยกับลูกสาว เตรียมไปรับศพมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านบุรีรัมย์
วันนี้ ( 29 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงงานชินพูน (CHIN POON INDUSTRIAL) สาขา ผิงเจิ้น กรุงไทเป ไต้หวัน ซึ่งเป็นโรงงานผลิตแผงวงจรไฟฟ้าหรือ PCB รายใหญ่ของโลก เพลิงลุกลามไปยังหอพักคนงานต่างชาติที่อยู่ติดกัน เป็นเหตุให้มีแรงงานไทย เสียชีวิต 2 ราย คือ นายภานุพงษ์ แสงลัม อายุ 24 ปี ภูมิลำเนา จ.ฉะเชิงเทรา และนายเชิดศักดิ์ บุรัมสูงเนิน อายุ 42 ปี อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ แรงงานไทยที่เสียชีวิตทั้ง 2 ราย จัดส่งโดยบริษัทจัดหางาน เอสพี ลีดเดอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (ไทย) และ บริษัทจัดหางาน SUMMIT CO.,LTD. (ไต้หวัน) เกิดเหตุ เมื่อเวลา 21:26 น. (เวลาท้องถิ่น) 28 เม.ย. นั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ประสานสอบถามญาติของ นายเชิดศักดิ์ บุรัมสูงเนิน อยู่ที่บ้านเลขที่ 42 หมู่ 3 ต.ชุมแสง อ.กระสังข์ จ.บุรีรัมย์ โดย นางสมหมาย คล่องจิต อายุ 38 ปี น้องสาว นางจันทา หวังอยู่ อายุ 43 ปี ภรรยานายเชิดศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้พี่สาวมีอาการโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก หลังทราบข่าวร้ายว่าสามีเสียชีวิต และไม่สามารถพูดคุยกับใครได้ เพราะร้องไห้เป็นลมล้มพับแทบทั้งวัน ซึ่งตอนนี้อยู่กับลูกสาวคนเล็ก
นางสมหมาย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จากกระทรวงแรงงานโทรศัพท์มาแจ้งพี่สาว ภรรยา นายเชิดศักดิ์ ตั้งแต่ 20.00 น. เมื่อคืนนี้ว่าเกิดไฟไหม้และไม่พบตัวนายเชิดศักดิ์ และตอนเช้าโทรฯ มาอีกครั้งว่า พบนายเชิดศักดิ์ เสียชีวิตแล้ว จากนั้นพี่สาวก็เอาแต่ร้องไห้ เป็นลมหลายรอบและซึมเศร้าตลอดเวลา ตนเองและญาติพี่น้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ครอบครัวพี่สาวตนมีฐานะยากจน พี่เขย (นายเชิดศักดิ์) เป็นคนขยันทำมาหากิน เป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัวมาโดยตลอด อาชีพเดิมคือ ทำนา ผลผลิตแต่ละปีได้น้อยเพราะเจอปัญหาภัยแล้งที่นาก็เป็นที่นาดอนอาศัยน้ำฝน พี่เขยจึงเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ปีนี้ครบ 6 ปีที่เดินทางไปทำงานที่ไต้หวัน ได้เงินเดือนประมาณ 1-2 หมื่นบาท ส่งเงินมาให้ทางบ้านใช้เดือนละ 5,000-10,000 บาทเท่านั้น บางเดือนไม่มีโอที ก็ไม่ได้ส่งเงินมาให้ ภรรยาต้องหยิบยืมญาติพี่น้องมาใช้ก่อน เพราะต้องเลี้ยงลูก 4 คน รวมยายและตัวเอง 6 ชีวิต
นางสมหมาย กล่าวต่อว่า พี่สาวอยู่กินกับพี่เขตมานานกว่า 30 ปี มีลูกด้วยกัน 4 คน เป็นหญิง 3 คน ชาย 1 คน คนโตเป็นหญิงอายุ 27 ปี มีปัญหาด้านพัฒนาการสมองจึงหางานทำไม่ได้ คนที่ 2 เป็นหญิงอายุ 18 ปี เพิ่งเรียนจม ม. 6 และเข้าทำงานในโรงงานได้ 1 สัปดาห์ คนที่ 3 เป็นชายอายุ 13 ปี เรียนอยู่ ม.1 และ คนเล็กสุดอายุ 3 ขวบ เท่านั้น
จากการพูดคุยกับพี่สาว ทราบว่า ล่าสุดพี่เขยเดินทางมาเยี่ยมบ้านครั้งล่าสุดปลายเดือน ธ.ค. 2560 ได้พัก 15 วัน พี่จันทา บอกให้อยู่บ้าน ไม่ต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศอีก ให้มาทำนาเหมือนเดิมดีกว่า เพราะไปทำงานก็ไม่ได้เงิน งานไม่มีโอที เงินก็น้อยตาม แต่พี่เขย บอกว่า หากอยู่บ้านก็อดตาย หนี้สิน ธ.ก.ส.อีกว่า 1.5 แสนบาท ที่ยืมมาใช้ในการเดินทางไปต่างประเทศ และ หนี้กองทุนหมู่บ้านฯ อีกกว่า 20,000 บาท จะเอาที่ไหนมาใช้คืนเขา และที่สำคัญลูก ๆ อีก 4 คนที่รอกินกับเราอยู่ ก็จำเป็นต้องไป
“ ก่อนเกิดเหตุเพิงไหม้เพียงไม่กี่ชั่วโมง นายเชิดศักดิ์ ยังโทรศัพท์มาพูดคุยกับลูกสาวคนเล็กอยู่ เหตุการณ์ครั้งนี้มันรวดเร็วเกินไปจนทุกคนญาติพี่น้องทางบ้านตั้งตัวไม่ทัน พอรู้ข่าวทุกคนร้องไห้กันหมด” นางสมหมาย กล่าว
จากนี้ไปก็รอการประสานจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งติดต่อเบื้องต้นมาแล้วว่าจะเดินทางมาที่บ้านในวันพรุ่งนี้ โดยให้เตรียมเอกสารหลักฐานที่จะใช้ในการดำเนินการติดต่อรับศพของนายเชิดศักดิ์ไว้ หลังจากได้ศพกลับมาบ้านจ.บุรีรัมย์ ทางครอบครัวจะจัดงานบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป