ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ร้านไอศกรีมโฮมเมดเชียงใหม่ ผลิต “ไอศกรีมข้าวซอยล้านนา” ชูเอกลักษณ์อาหารไทยผสมอาหารคาวและหวานออกมาได้อย่างลงตัวเหมือนข้าวซอยจริง เคยได้รางวัลการประกวดนวัตกรรมอาหารระดับประเทศมาแล้ว ล่าสุดได้รับเลือกจากสถานทูตสหรัฐฯ เป็นตัวแทนไปแข่งขันระดับนานาชาติ
ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัดของเดือนเมษายน เชื่อว่าไอศกรีมน่าจะเป็นหนึ่งในของหวานที่ผู้คนนิยมรับประทานเพื่อคลายร้อนและเพิ่มความสดชื่น โดยไอศกรีมปกติทั่วไปที่ผู้คนคุ้นเคยคงหนีไม่พ้นไอศกรีมรสชาติพื้นฐานทั่วไป เช่น สตรอว์เบอร์รี, ช็อกโกแลต, วานิลา หรือรสผลไม้ต่างๆ เป็นต้น
แต่ที่จังหวัดเชียงใหม่พบว่า มีร้านไอศกรีมร้านหนึ่งที่สร้างความแปลกใหม่เมื่อมีการคิดค้นและประยุกต์สูตรจนสามารถทำไอศกรีมที่มีรสชาติของอาหารคาวที่เป็นอาหารขึ้นชื่อของไทยและภาคเหนือออกมาได้อย่างกลมกล่อมลงตัว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมนูอาหารคาวที่แสดงความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นภาคเหนือ อย่างเช่น “ข้าวซอย” ที่ถูกทำให้กลายเป็นอาหารหวานอย่างไอศกรีม พร้อมวางขายเป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้ได้ลิ้มลอง เพราะได้ความรู้สึกและรสชาติเสมือนกินข้าวซอยจริงๆ
สำหรับ “ไอศกรีมข้าวซอย” ดังกล่าวนั้น เกิดจากการคิดค้นและทำออกมาเป็นผลสำเร็จโดย “D’CUP ICE CREAM” (ดีคัพ ไอศกรีม) ร้านไอศกรีมโฮมเมด ย่านหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่กลุ่มเพื่อนทั้งพนักงานธนาคาร, วิศวกรคอมพิวเตอร์, พนักงานประจำ และนักศึกษา ร่วมหุ้นกันก่อตั้งและเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ นี้ขึ้นมาเมื่อกว่า 2 ปีที่แล้ว จากความชื่นชอบส่วนตัวและหารายได้เสริม ปัจจุบันกลายเป็นงานหลักของพวกเขาไปแล้ว
น.ส.เนตรนภา กันธะอุดม อายุ 30 ปี และนายกรกฎ แก้วชา อายุ 33 ปี หุ้นส่วน “D’CUP ICE CREAM” เปิดเผยว่า ในช่วงแรกเริ่มของการธุรกิจทำไอศกรีมโฮมเมดออกขายกว่า 30 รสชาติ โดยที่ทั้งหมดเป็นรสชาติพื้นฐานเหมือนไอศกรีมที่วางขายทั่วไป จึงเกิดแนวความคิดว่าด้วยความเป็นคนไทยและเป็นคนเชียงใหม่น่าจะมีวัตถุดิบอะไรบ้างในการทำไอศกรีมนอกเหนือจากวัตถุดิบทั่วไป เพื่อแสดงออกนำเสนอถึงความเป็นเอกลักษณ์ให้ผู้คนได้รับรู้
จึงเริ่มคิดค้นเรื่องการนำสมุนไพรและอาหารไทยมาทำให้เป็นรสชาติไอศกรีมที่มีความลงตัวที่สุดระหว่างอาหารหวานและอาหารคาว จนกระทั่งเป็นไอศกรีมข้าวซอย ที่ตั้งชื่อว่า “ไอศกรีมข้าวซอยล้านนา”
ในส่วนของเนื้อไอศกรีมนั้นจะทำตามปกติ ขณะที่ในส่วนของรสชาตินั้นจะใช้วัตถุดิบทุกอย่างเหมือนกับการปรุงข้าวซอยที่มีส่วนผสมทั้งเครื่องแกง, ผงกะหรี่, กะปิ, กะทิ, มะนาว, มะกรูด, ตะไคร้, พริกแห้ง หรือกระชาย เป็นต้น โดยตำส่วนผสมให้ละเอียดเพื่อทำเป็นน้ำพริกข้าวซอยในสูตรของตัวเองซึ่งจะใช้วิธีการตำด้วยมือเท่านั้นไม่ใช้การปั่น เพื่อให้กลิ่นของเครื่องเทศแต่ละชนิดคงอยู่ แล้วนำไปผสมกับกะทิคั้นสดเข้มข้น ไม่ใช้กะทิกล่องพาสเจอไรซ์เพราะจะทำให้รสชาติที่ได้เปลี่ยนไป
จากนั้นจะใช้กระบวนการสกัดให้ได้ส่วนผสมที่เป็นรสชาติและกลิ่นเท่านั้น เพื่อนำไปผสมกับส่วนที่เป็นเนื้อไอศกรีม และผ่านขั้นตอนการผลิตต่างๆ เป็นเวลากว่า 1 วัน จึงจะได้ “ไอศกรีมข้าซอยล้านนา” ที่มีรสชาติหวาน หอมกลิ่นข้าวซอยจริง และจะได้รสเผ็ดในตอนสุดท้ายของแต่ละคำ สามารถนำออกวางขายได้ ปัจจุบันมีขายเฉพาะที่หน้าร้าน โดยจะเสิร์ฟในจานที่จัดตกแต่งด้วยเส้นข้าวซอยทอดกรอบเหมือนข้าวซอยจริง ขายในราคา 90 บาท ขณะที่อนาคตมีแผนที่จะผลิตบรรจุถ้วยสำเร็จออกขายด้วย แต่อยู่ระหว่างการดำเนินการ
นอกจากนี้ หุ้นส่วน “D’CUP ICE CREAM” เปิดเผยด้วยว่า ที่ผ่านมา “ไอศกรีมข้าวซอยล้านนา” มีการวิจัยและพัฒนาร่วมกับทางอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยได้รับเลือกส่งเข้าร่วมการประกวดออกแบบเชิงนวัตกรรม ด้านการออกแบบอาหาร ของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เมื่อปลายปี 2560 ที่มีผลงานจากทั่วประเทศเข้าร่วมการประกวด ซึ่ง “ไอศกรีมข้าวซอยล้านนา” ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2
ขณะที่ล่าสุด “ไอศกรีมข้าวซอยล้านนา” ยังได้รับเลือกจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ให้เป็นตัวแทนประเทศไทยในการแข่งขันนำเสนอแผนธุรกิจสตาร์ทอัพของนักศึกษาในระดับนานาชาติ เพราะหุ้นส่วนคนหนึ่งของร้านเป็นนักศึกษา โดยในระดับเอเชียได้รับรางวัลรองชนะเลิศ และกำลังเข้าร่วมแข่งขันรอบสุดท้ายที่ประเทศแคนาดา ซึ่งนับเป็นความภูมิใจอย่างมากของร้าน
ขณะเดียวกัน หุ้นส่วน “D’CUP ICE CREAM” เปิดเผยอีกว่า นอกจาก “ไอศกรีมข้าวซอยล้านนา” แล้ว ทางร้านยังมีไอศกรีมที่เป็นรสชาติของอาหารคาวที่เป็นเมนูอาหารไทยขึ้นชื่ออื่นๆ อีก ทั้งแกงเขียวหวาน, ผัดกะเพรา, ส้มตำ, ต้มยำ และผัดไทย รวมทั้งยังมีไอศกรีมรสชาติต่างๆ ที่น่าสนใจอีก เช่น ไอศกรีมน้ำเต้าหู้, ไอศกรีมน้ำผึ้งมะนาว, ไอศกรีมมะนาวอัญชัน, ไอศกรีมทุเรียน, ไอศกรีมมะขาม, ไอศกรีมเสาวรส, ไอศกรีมมะม่วง หรือไอศกรีมวาซาบิ เป็นต้น ยังไม่นับรวมไอศกรีมรสชาติพิเศษจากวัตถุดิบตามฤดูกาลหรือเทศกาลต่างๆ อีกด้วย โดยร้านตั้งอยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตรงปากทางเข้าโครงการเชียงใหม่คอมเพล็กซ์ เปิดบริการทุกวัน 11.00-22.00 น.