นครพนม - ตำรวจร่วม ป.ป.ส.บุกค้นยึดทรัพย์แก๊งค้ายาบ้าข้ามชาติ มูลค่าร่วม 4 ล้านบาท หลังขยายผลจับเอเยนต์รายสำคัญยกแก๊ง ลักลอบขนยาบ้าส่งใต้กว่า 4 แสนเม็ด
วันนี้ (18 เม.ย.) พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย พ.ต.อ.พลาเดช เพ็ชรหว้าโง๊ะ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม นายพงศ์ศิริ ชื่นบาน ผู้อำนวยการส่วนตรวจสอบทรัพย์สิน ป.ป.ส.ภาค 4 พ.ต.ท.ณรายุทธ ไตรยสุทธิ์ สารวัตรสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม หัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด พ.ต.อ.นที สิริวรวัชวัชร์ ผกก.สภ.ท่าอุเทน ร่วมกับชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ทหาร มทบ.210 นครพนม และทหารกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นำหมายศาลจังหวัดนครพนม ที่ ค.73/2561 วันที่ 17 เมษายน 2561 เข้าตรวจค้นขยายผล บ้านเลขที่ 84/1 หมู่ 8 บ้านวังโพธิ์ ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม บ้านพักของผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติดรายสำคัญ คือ นายธนโชติ เขียวค้า อายุ 56 ปี เพื่อเป็นการขยายผล ตรวจสอบตาม พ.รบ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 เป็นการปราบปรามจับกุมเครือข่ายค้ายาบ้าข้ามชาติ หลังผู้ต้องหาพร้อมพวกอีก 3 คนถูกจับกุมเกี่ยวกับคดีลักลอบขนยาบ้าจำนวน 4 แสนเม็ด นำส่งพื้นที่ภาคใต้
จนกระทั่งตำรวจสามารถจับกุมได้ในพื้นที่ จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา และมีการสอบสวนขยายผลติดตามจับกุมเครือข่าย และตรวจสอบอายัดทรัพย์สิน ดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย
พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ในการตรวจค้นครั้งนี้ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย รวมถึง ป.ป.ส. หน่วยงานทหารฝ่ายปกครอง ถือเป็นมาตรการในการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ซึ่งผู้ต้องหารายนี้ถือเป็นรายสำคัญ เชื่อมโยงเครือข่ายข้ามชาติ จึงได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพัก รวมถึงบ้านที่อยู่ในเครือข่ายในพื้นที่ ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม รวม 5 จุด ขณะที่ทางญาติได้ให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจสอบอายัดตามกฎหมาย ประกอบด้วย บ้านพัก 1 หลัง รวมถึงปั๊มน้ำมัน 1 แห่ง รถบัสโดยสาร 1 คัน รถยนต์ส่วนบุคคล 1 คัน รวมถึงบัญชีเงินฝากทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง และเชื่อมโยงกับผู้ต้องหา รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 4 ล้านบาท เพื่อนำไปตรวจสอบตามขั้นตอน หากไม่สามารถชี้แจงหรือตรวจสอบพบว่ามาจากการค้ายาเสพติดจะต้องมีการยึดทรัพย์สินทั้งหมดตามกฎหมาย
ผู้ต้องหารายนี้ถือว่ามีประวัติเกี่ยวข้องค้ายาเสพติดมานาน จากการตรวจสอบพบว่าเคยถูกจับกุมในคดีลักลอบขนกัญชาในพื้นที่ จ.นครพนม จำนวน 200 กิโลกรัม เมื่อปี 2548 ถูกศาลตัดสินจำคุก 7 ปี แต่จำคุกจริงประมาณ 1 ปี
นอกจากนี้ยังเคยถูกจับกุมคดีสมคบขบวนการค้ายาบ้าในพื้นที่ จ.มุกดาหาร แต่มีการสู้คดีจนศาลยกฟ้อง และครั้งล่าสุดถูกจับกุม หลังขนยาบ้านำส่งภาคใต้ จ.ชุมพร จำนวน 4 แสนเม็ด อยู่ระหว่างการดำเนินคดี และมีการสอบสวนขยายผลอายัดทรัพย์สินเกี่ยวข้องทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจนครพนมจะได้ร่วมกับทุกภาคส่วนในการเพิ่มมาตรการเข้ม ทั้งปราบปรามจับกุม ผู้เสพผู้ค้า รวมถึงการขยายตรวจสอบยึดทรัพย์สินให้ถึงที่สุด เพื่อเป็นการตัดวงจรขบวนการค้ายาเสพติด เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่ จ.นครพนม มีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดจำนวนมาก จึงต้องดำเนินการปราบปรามขั้นเด็ดขาด
โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา พบว่ามีการตรวจยึดยาบ้าในพื้นที่ได้กว่า 5 ล้านเม็ด ซึ่งจะต้องวางมาตรการเข้มตลอดแนวพื้นที่ชานแดน และจะต้องมีการขยายผลไปถึงเครือข่ายทุกราย