ศูนย์ข่าวศรีราชา - รอง ผบ.ตร.ลุยสอบหนุ่มรัสเซียบุกทำร้ายพนักงานบูธแลกเงินตรงข้าม รร.แอมบาสเดอร์ฯ จอมเทียน ชิงกระเป๋าใส่เงิน 7 แสนบาทหลบหนี ก่อนจนมุมมที่สนามบินอู่ตะเภา หลักฐานชัดทั้งถุงเงิน เสื้อผ้า ภาพวงจรปิด แต่เจ้าตัวยังปากแข็งปฏิเสธ เผยแต่งงานหญิงไทยทำธุรกิจ แต่เงินร่อยหรอ เป็นเหตุให้ก่อคดี
จากกรณีคนร้ายชาวต่างชาติบุกทำร้ายพนักงานสาวบูธแลกเงินจนสลบขณะเปิดสำนักงาน CC Exchange ตรงข้ามโรงแรมแอมบาสเดอร์ซิตี้ จอมเทียน-พัทยา จ.ชลบุรี ก่อนจะชิงเอากระเป๋าใส่เงิน 7 แสนบาท หลบหนีไป แล้วถูกเจ้าหน้าตำรวจตามรวบได้ตาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมคณะได้เดินทางมายัง สภ.นาจอมเทียน เพื่อร่วมสอบปากคำ Mr. Nikolay Rybalov อายุ 32 ปี ชาวรัสเซีย โดยมี พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผบช.ภ.2 พ.ต.อ.อาทร ชิ้นทอง ผกก.สภ.นาจอมเทียน พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ เอนสาร สว.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.1 หรือสารวัตรตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม รวมถึง น.ส.ชัชชญา ชัยยะยางกูร อายุ 33 ปี เจ้าของบูธเงินดังกล่าวเข้าร่วมรับฟัง ซึ่งเบื้องต้น Mr.NiKolay ยังคงให้การปฏิเสธ
ต่อมา พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่าเบื้องต้นทราบว่าผู้ต้องหาเคยเป็นทหารของประเทศรัสเซีย หลังจากเป็นทหารก็ได้มาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และขายรถยนต์ และมีภรรยาคนไทย โดยเช่าบ้านอยู่ร่วมกันได้กว่า 3 เดือนแล้ว ก่อนจะหาสมัครเป็นเจ้าหน้าที่เทรนเนอร์ตามฟิตเนสต่างๆ ในเมืองพัทยาแต่ยังไม่ได้งาน เงินที่มีก็เริ่มร่อยหรอ จึงคาดว่าเป็นสาเหตุก่อนที่ทำการชิงเงินสดจากบูธแลกเงินในครั้งนี้
ถึงแม้ผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธ แต่หลักฐานที่พบเป็นเงินสดทั้งไทยและต่างประเทศ อีกทั้ง เสื้อผ้า รถจักรยานยนต์ รถยนต์ ถุงมือ หมวกนิรภัยและกระเป๋าเป้ที่ตรวจพบ มีลักษณะตรงกันและใกล้เคียงกับภาพวงจรปิดอย่างมาก ซึ่งจะได้นำหลักฐานทั้งหมดส่งไปตรวจพิสูจน์ที่นิติวิทยาศาสตร์ จากนั้นจะได้รวบรวมสำนวนเพื่อส่งฟ้องศาลต่อไป โดยได้ตั้งข้อกล่าวหาไว้ 2 ประเด็น ได้แก่ ชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส